บล.โกลเบล็ก มองปัจจัยการเมือง-เจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน มีสัญญาณเชิงบวกหนุนการลงทุนช่วงสั้น พร้อมแนะจับตาทรัมป์ขู่ชัตดาวน์อีกรอบหากไม่อนุมัติงบสร้างกำแพง และการแข็งค่าของค่าเงินบาทสูงสุดในรอบ 9 เดือน และแข็งค่าสุดในเอเชีย โดยให้กรอบดัชนี 1,630-1,690 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์เลือกตั้ง-คืน VAT 5%-ชอปช่วงตรุษจีน-การท่องเที่ยว ส่วนราคาทองคำ แกว่งตัวในกรอบ 1,305-1,340 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ คงคำแนะนำให้เล่นเก็งกำไรโดยอิงราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ตอบรับปัจจัยบวกทั้งในประเทศ และและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นด้านการเมืองในประเทศที่มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยในสัปดาหนี้ (4-8 ก.พ.) เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และความคืบหน้าของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในการพัฒนาดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์ (อีอีซีดี) โดยเปิดขายซอง 25 ม.ค.-15 ก.พ.2562 ให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดระยะเวลา 50 ปี เพื่อเป็นศูนย์กลางการลงทุนและพัฒนาด้านนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการในปี 2564
รวมทั้งปัจจัยต่างประเทศการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ดูจะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดย ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังพิจารณาการประชุมร่วมกันในวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ขณะที่จีนให้คำมั่นซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น
ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการลงทุนในระยะสั้น ทรัมป์ ขู่ว่าอาจเกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหากไม่มีการบรรจุงบประมาณสร้างกำแพงในร่างกฎหมายงบประมาณสหรัฐฯ และการแข็งค่าของค่าเงินบาทต่อเนื่องจากต้นปีสูงสุดในรอบ 9 เดือน โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 31.20-31.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นการแข็งค่ามากที่สุดในเอเชียจากที่แข็งค่ากว่า 4.02% กดดันการส่งออกของไทย
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาปัจจัยเพิ่มเติมโดยเฉพาะการรับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมบัญชีผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีตลอดทั้งสัปดาห์นี้ และในวันที่ 5 ก.พ. ทรัมป์ เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสตามเวลาในท้องถิ่น และอียู จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ม.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ม.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือน ม.ค.
ส่วนวันที่ 6 ก.พ. มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ส่วนสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2561 (ประมาณการเบื้องต้น) และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ 7 ก.พ. จีนจะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือน ม.ค. ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น คาดจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630-1,690 จุด แนะลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง ได้แก่ VGI, PLANB, MACO, CPALL, MAKRO, BJC, TKS ส่วนหุ้น mai ได้แก่ TACC, LIT, CRD รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์มาตรการคืน VAT 5% กระตุ้นชอปช่วงตรุษจีน แนะนำ CPALL, MAKRO และหุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยคึกคักในช่วงวันหยุดตรุษจีน ได้แก่ AOT, CENTEL, ERW
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ผลจากการที่สหรัฐฯ คุยลดสงครามการค้ากับจีนเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเจรจาเบื้องต้นที่ปูทางไปสู่การพบกันของประธานาธิบดีทั้ง 2 ฝ่ายที่จีนในช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวก ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลดลงในลักษณะปรับฐานระยะสั้นสู่แนวรับ 1,305-1,310 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐฯ ฉีกสนธิสัญญาห้ามขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางก่อน ทำให้รัสเซียตัดสินใจขอถอนตัวตามนั้น สร้างความวิตกต่อตลาดในแง่ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามเย็น และการสะสมอาวุธร้ายแรง จึงเป็นปัจจัยบวกที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับราคาทองคำภายในประเทศยังคงถูกกดดันด้วยการแข็งค่าของเงินบาทต่อไป จึงค่อนข้างยากที่จะผ่านระดับ 19,700 บาทขึ้นไป แม้ว่าราคาทองคำตลาดโลกสามารถยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้อย่างมั่นคงแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก มองกรอบการลงทุนในสัปดาห์นี้อยู่ที่ 1,305-1,340 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ คงคำแนะนำให้เล่นเก็งกำไรโดยอิงราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลักสำหรับพอร์ตระยะสั้น โดยปรับมาซื้อเมื่ออ่อนตัว แต่ยังเน้นปิดทำกำไร และตัดขาดทุนเร็ว ส่วนพอร์ตระยะกลางยังคงเน้นตั้งรับเมื่อราคาอ่อนตัว และอาจพิจารณาเข้าซื้อมากขึ้นเมื่อเงินบาทส่งสัญญาณอ่อนตัว