“ภากร” ยกทัพทีมบอร์ด ตลท. แถลงแผนพัฒนากลยุทธ์ตลาดทุน กรอบระยะเวลา 3 ปี (2562-2564) ตั้งเป้ามาร์เกตแคปแตะ 30 ล้านล้านบาท ภายในปี 2566 ยอดซื้อขายต่อวัน 95,000 ล้านบาทต่อวัน ปรับโครงสร้างองค์กรเป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนครบวงจร รับลูก พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับใหม่ที่ใกล้คลอดเร็วๆ นี้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ ตลท. ได้กล่าวถึงกลยุทธ์แผนพัฒนาตลาดทุนกรอบระยะเวลา 3 ปี (2562-2564) ว่า ตลาดหุ้นไทยได้วาง 4 กลยุทธ์หลักในการเป็นศูนย์กลางแหล่งระดมทุนของประเทศ และเพิ่มศักยภาพการเป็นแหล่งระดมทุนในกลุ่ม CLMV เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนครบวงจร ประกอบด้วย 1.ขยายขอบเขตการทำธุรกิจ (Expand) 2.แสวงหาโอกาสใหม่ด้วยเทคโนโลยี (Explore) 3.ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการ และกฎเกณฑ์ (Reform) และ 4.ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Restructure)
อย่างไรก็ตาม การขยายโอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมตลาดทุนทั้งระบบ ถือว่าเป็นกลไกช่วยลดต้นทุนและเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals : SDGs สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป้าหมายการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคตทั้งในการเป็นแหล่งระดมทุน และบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ ในส่วนของการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (ฉบับเก่า) ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เรียบร้อยแล้ว คาดว่ากระบวนการพิจารณาต่างๆ จะแล้วเสร็จและพร้อมประกาศใช้ภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน
“จากนี้เป็นต้นไปตลาดหลักทรัพย์จะต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และการระดมทุนในรูปแบบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น รองรับความต้องการของนักลงทุนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งสอดรับกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่ ที่จะประกาศใช้ออกมา ทำให้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะมีการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เปิดกว้างให้โอกาสกับผู้ประกอบการได้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์ไม่จำเป็นต้องมีที่เดียว ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ก็ไม่จำเป็นต้องมีที่เดียว”
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการยกเลิกการตั้งเป้าหมายระยะสั้นในส่วนที่เกี่ยวกับการเพิ่มมาร์เกตแคป จำนวน IPO เนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนจากสภาวะตลาดที่ผันผวน ขณะเดียวกัน ตลท. ยังคงเป้าหมายมาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยที่จะพัฒนามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแตะ 30 ล้านล้านบาท ภายในปี 2566 และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันไม่น้อยกว่า 95,000 ล้านบาท ส่วนจำนวนนักลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นให้ได้ปีละ 1 แสนราย
“ปีนี้ตลาดหุ้นได้มีการยกเครื่องปรับปรุงระบบไอทีใหม่ เพื่อรองรับการเข้าสู่การระดมทุนยุคดิจิทัล และเตรียมความพร้อมรองรับรูปแบบของการระดมทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โดยจะทำงานร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ เช่น ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนถึงปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ ระเบียบ และข้อบังคับของ ตลท. ในการดูแลคุณภาพของหุ้น IPO และบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าระดมทุนใหม่ทั้งก่อนและหลังการเข้าซื้อขาย โดยมีการเพิ่มความรัดกุมในการกำกับดูแลเพิ่มขึ้น รวมถึงลดความซับซ้อน และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของผู้ที่เกี่ยวข้อง คาดจะทยอยประกาศใช้เฟสแรกได้ภายในปีนี้”