สกาย ไอซีที จับมือ “อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม”-ตั้งกิจการร่วมค้า รับงาน USO Zone C มูลค่า 4.8 พันล้านบาท ขณะบอร์ดไฟเขียวเพิ่มทุนใน “แอสโตร โซลูชั่นส์” เพื่อประกอบกิจการให้บริการทางการตลาด ที่ปรึกษา บริหารจัดการข้อมูลเกี่ยวกับระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและเพื่อรองรับการลงทุนใหม่
นางสาวกุลนดา โอฬารรักษ์ธรรม กรรมการ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY แจ้งว่า บริษัทได้ร่วมกับ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL จัดตั้งกิจการค้าร่วม ไอเทลและสกาย (ITEL and SKY Consortium) เพื่อร่วมกันยื่นข้อเสนอราคางานโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) กลุ่มที่ 6 ภาคกลาง 1 (USO2-C1) ต่อสานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ระยะเวลาดำเนินการรวม 5 ปี 360 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา
โดย ณ วันที่ 30 มกราคม 2562 ทางกิจการค้าร่วมไอเทลและสกาย ได้ลงนามในสัญญางานโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) กลุ่มที่ 6 ภาคกลาง 1 กับ สำนักงาน กสทช มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 2,196 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว โดยมีรายละเอียดขอบเขตงานจ้าง (Scope of Work) ประกอบด้วย การจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะ (Wi-Fi) หมู่บ้าน จำนวน 1,885 จุด การจัดให้มีบริการศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ USO Net จำนวน 30 จุด การจัดให้มี
ห้องบริการห้องอินเทอร์เน็ตสาธารณะ USO Wrap จำนวน 182 จุด การจัดให้มีบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาหรับโรงเรียน (Last mile to School) จานวน 348 จุดและการจัดให้มีบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) (Last mile to Sub-district Health Promoting Hospital) จำนวน 10 จุด
ทั้งนี้ ตามสัญญากิจการค้าร่วมไอเทลและสกาย ได้กาหนดขอบเขตความรับผิดชอบร่วมดาเนินโครงการระหว่างบริษัทกับไอเทล โดยบริษัทรับผิดชอบดาเนินโครงการคิดเป็นสร้อยละ 49 ของมูลค่าโครงการ และ ไอเทล รับผิดชอบดำเนินโครงการคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ของมูลค่าโครงการ โดย ไอเทล เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดาเนินโครงการและเป็นผู้บริหารกิจการค้าร่วม (Consortium Leader) ทั้งนี้ กิจการค้าร่วมไอเทลและสกาย มีภาระผูกพันที่จะดำเนินการส่งมอบงานให้เสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ หาก
โครงการดังกล่าวมีความล่าช้าสานักงาน กสทช. มีสิทธิในการปรับคู่สัญญาจนกว่าจะดำเนินงานส่งมอบแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ SKY ยังแจ้งว่า SKY ได้ร่วมกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) (ล็อกซไวร์) จัดตั้งกิจการค้าร่วม ล็อกซไวร์-สกาย (LOXWIRE-SKY Consortium) เพื่อร่วมกันยื่นข้อเสนอราคางานโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) กลุ่มที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 (USO2-NE1) ต่อสานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สานักงาน กสทช.) ระยะเวลาดาเนินการรวม 5 ปี 360 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา
สำหรับรายละเอียดขอบเขตงานจ้าง (Scope of Work) ประกอบด้วย การจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะ (Wi-Fi) หมู่บ้าน จำนวนจุดติดตั้ง 1,936 จุด, การจัดให้มีบริการศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ USO Net จำนวน 31 จุด, การจัดให้มีห้องบริการห้องอินเทอร์เน็ตสาธารณะ USO Wrap จำนวน 250 จุด, การจัดให้มีบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับโรงเรียน (Last mile to School) จำนวน 448 จุด, การจัดให้มีบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) (Last mile to Sub-district Health Promoting Hospital) จำนวน 7 จุด
ทั้งนี้ ตามสัญญากิจการค้าร่วมล็อกซไวร์-สกาย ได้กำหนดขอบเขตความรับผิดชอบร่วมดำเนินโครงการระหว่างบริษัทกับล็อกซไวร์ โดยบริษัทรับผิดชอบดำเนินโครงการคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 ของมูลค่าโครงการ และล็อกซไวร์ รับผิดชอบดำเนินโครงการคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ของมูลค่าโครงการ โดย ล็อกซไวร์ เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินโครงการ และเป็นผู้บริหารกิจการค้าร่วม (Consortium Leader)
สำหรับ กิจการค้าร่วมล็อกซไวร์-สกาย มีภาระผูกพันที่จะดำเนินการส่งมอบงานให้เสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ หากโครงการดังกล่าวมีความล่าช้าสำนักงาน กสทช. มีสิทธิในการปรับคู่สัญญาจนกว่าจะดำเนินงานส่งมอบแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ SKY แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทว่าบอร์ด อนุมัติเพิ่มทุนในบริษัทร่วมลงทุน บริษัท แอสโตร โซลูชั่นส์ จำกัด (แอสโตร) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจการให้บริการทางการตลาด ที่ปรึกษา บริหารจัดการข้อมูลเกี่ยวกับระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และซอฟต์แวร์ต่างๆ รวมทั้งให้บริการข้อมูล และตอบข้อซักถาม (Call Center) ซึ่งจะเพิ่มทุนจากโดยมีรายละเอียดใน 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และเพื่อรองรับการลงทุนใหม่