การเลือกตั้งกำหนดวันชัดเจนแล้ว 24 มีนาคม 2562 ได้เข้าคูหากาบัตรกันแน่ และถือเป็นข่าวดีของการลงทุน แต่ตลาดหุ้นกลับตอบรับเพียงเล็กน้อย ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ พุ่งขึ้นแรงแค่วันเดียวก่อนจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตามเดิม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์แทบทุกสำนัก มักอ้างว่าการที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้นักลงทุนต่างชาติลดความสนใจตลาดหุ้นไทย จนบรรยากาศการซื้อขายหุ้นเงียบเหงา
เมื่อประเทศกำลังกลับเข้าสู่เป็นประชาธิปไตย โดยอีกไม่ถึง 2 เดือนจะมีการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นจึงน่าจะคึกคัก และนักลงทุนต่างชาติต้องทยอยกลับเข้า
แต่ดัชนีหุ้นกลับคลานต้วมเตี้ยม ทั้งที่ไม่มีข่าวร้ายใดกระทบ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นคืนสู่ความสดใสโดยตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ด้วยกันคือ ไทย อินโดนิเชีย และฟิลิปปินส์ พุ่งทะยานไปแล้วกว่า 10% นับจากต้นปี ส่วนตลาดหุ้นไทย เพิ่งขยับขึ้นมาประมาณ 4% เศษเท่านั้น เมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2561
นักลงทุนต่างชาติ ขนเงินกลับมาไล่ช้อนซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเพื่อนบ้านย่านเอเชียแล้ว แต่ตลาดหุ้นไทย ต่างชาติกลับเข้ามาน้อยมาก โดยมียอดซื้อสุทธิสะสมจากสิ้นปีที่ผ่านมาเพียง 6,715.64 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ปีก่อนขายสุทธิกว่า 287,000 ล้านบาท
การคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ช่วยพลิกฟื้นให้ตลาดหุ้นเกิดความคึกคัก และระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาลทหาร สำหรับตลาดหุ้นอาจไม่แตกต่างนัก เพราะหากเศรษฐกิจดี การเมืองไม่วุ่นวายหรือมีเหตุการณ์รุนแรง กระทบความเชื่อมั่นต่างชาติก็พร้อมหอบเงินเข้ามาลงทุน
แต่ถ้าเศรษฐกิจทรุด การเมืองมีความวุ่นวาย ไม่ว่าจะปกครองภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลทหาร นักลงทุนทั้งในประเทศหรือต่างชาติก็ชะลอการลงทุนเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การที่เงินทุนต่างชาติยังไม่ไหลกลับอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นเพราะต้องการรอประเมินผลการเลือกตั้ง เพื่อดูโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ ก่อนกำหนดทิศทางการลงทุน
ใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่ เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ขนาดไหน และจะมีเสถียรภาพบริหารประเทศได้นานหรือไม่ กลายเป็นโจทย์สำคัญของนักลงทุน
ก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะออกมา นักลงทุนคงพากันชะลอการตัดสินใจ ทำให้บรรยากาศการซื้อขายหุ้นเงียบลง ขณะที่ดัชนีหุ้น จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
หลังวันที่ 24 มีนาคม 2562 ตลาดหุ้นน่าจะมีทิศทางความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ส่วนต่างชาติจะกลับเข้ามาหรือไม่ คงมีคำตอบ
การเลือกตั้งที่นักลงทุนตั้งความหวังว่า เมื่อมีความชัดเจนแล้ว หุ้นจะพุ่งทะยาน เงินทุนต่างชาติต้องไหลกลับเข้ามานั้น ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะต่างชาติยังไม่มา และตลาดหุ้นก็อยู่ในสภาพคลานต้วมเตี้ยมในระดับ 1,600 จุดต้นๆ
ประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ ฝ่ายวิจัยโบรกเกอร์สำนักต่างๆ ประเมินกันไว้ระหว่าง 1,700-1,800 จุด หรือบางแห่งอาจมองโลกสวย ประเมินว่าอาจพุ่งทะลุ 1,900 จุด
แต่ถ้าฝรั่งไม่กลับมา บรรดาเซียนหุ้นจะถูกหักปากกาอีก หลังจากคำทำนายหุ้นปี 2561 ผิดพลาดกันมาแล้วโดยโบรกเกอร์หลายแห่งคาดว่า ดัชนีหุ้นจะทะลุ 1,900 จุด แต่หล่นวูบมาปิดสิ้นปีที่ระดับ 1,560 จุดเท่านั้น
ปีนี้ แม้ประเทศจะกลับสู่ประชาธิปไตย ใกล้การเลือกตั้งเข้ามาทุกที แต่ตลาดหุ้นอาจฟุบต่อ และฝรั่งอาจยังไม่กลับมาก็ได้
จึงอย่าคาดหวังว่ามีเลือกตั้งแล้วหุ้นต้องขึ้น ฝรั่งต้องกลับมาไล่ซื้อหุ้นคืน
