xs
xsm
sm
md
lg

บล.เออีซี ชี้ความเชื่อมั่นนักลงทุนดีขึ้น หลังรัฐประกาศเลือกตั้ง หนุนเม็ดเงินเข้าไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บล.เออีซี มองภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดี หลังรัฐประกาศเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม เสริมความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศหันกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ความเชื่อมั่นโดยรวมของนักลงทุนเริ่มดีขึ้นจากการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน (24 มี.ค.) คาดเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และช่วยกระตุ้นให้มีการซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นบวกกับค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ดี ประเมินว่า หลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจน คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.1x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.9x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.8x ดังนั้น เรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น+1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้ 1.กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ CENTEL ERW และ AOT 2.กลุ่มจำนำทะเบียนรถ แนะนำ SAWAD MTC และ AMANAH 3.กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค แนะนำ AMATA WHA และ EASTW 4.หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation แนะนำ JMT และ HARN

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ มองว่าจากการประชุม Fed ในช่วงวันที่ 29-30 ม.ค. คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม จาก Implied Prob. การขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยสัปดาห์นี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจาก 1.อยู่ในช่วงประกาศผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4/ 2561 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ซึ่งอาจออกมาต่ำกว่า หรือมากกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ตลาดยังคงมีความผันผวนจากการประกาศผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น 2.จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนีการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Index) และดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตที่จะมีผลต่อทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และทิศทางภาวะ เศรษฐกิจในอนาคต

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศจะมีการเคลื่อนไหวแบบ Sideway up ซึ่งแม้จะมีแรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่จะเกิดขึ้นช่วงวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ โดยเป็นการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรองนายกรัฐมนตรีของจีนนายหลิวเหอ และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ และรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชิน ทำให้เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดหุ้น อีกทั้งเรื่องของปัญหาภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว (Government shutdown) กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ บรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรส โดยเป็นการเปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว 3 สัปดาห์จนถึงวันที่ 15 ก.พ.


กำลังโหลดความคิดเห็น