xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรไทย อินเตอร์ฯ ปี 62 ธุรกิจไฟฟ้า-เยื่อกระดาษโดดเด่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น” ประเมินทิศทางธุรกิจปี 2562 รายได้ในสายธุรกิจชีวภาพยังคงเติบโตต่อเนื่อง คาดสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของรายได้รวม จากที่เคยมีสัดส่วน 22.9% เมื่อปี 2560 และเพิ่มเป็น 24.6% ในปี 2561 ผลจากโรงไฟฟ้าชีวมวลยังคงเติบโตดี และความต้องการเยื่อกระดาษชานอ้อย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของกลุ่ม KTIS ในปี 2562 ว่า สายธุรกิจชีวภาพ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล โรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย และโรงงานผลิตและจำหน่ายเอทานอล ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สายธุรกิจน้ำตาลทรายนั้น ขึ้นอยู่กับราคาน้ำตาลในตลาดโลก

“ในปีที่ผ่านมา (งบการเงินสิ้นสุด 30 กันยายน 2561) สัดส่วนรายได้จากสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย มีสัดส่วน 75.4% ขณะที่สายธุรกิจชีวภาพมีสัดส่วน 24.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นที่มีสัดส่วน 22.9% เนื่องจากโรงไฟฟ้าชีวมวลมีรายได้เติบโตอย่างโดดเด่น โดยทิศทางของปีนี้รายได้จากสายธุรกิจชีวภาพก็น่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก คาดว่าจะสูงกว่า 25% ของรายได้รวม เนื่องจากปริมาณอ้อย และน้ำตาลทราย ในฤดูการผลิต 2561/2562 น้อยกว่าฤดูการผลิตของปีก่อน (ซึ่งปีก่อนสูงมากเป็นประวัติการณ์) และราคาน้ำตาล ตลาดโลกก็ยังคงผันผวน” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

สำหรับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยนั้น ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกระแสรักโลกรักษ์สิ่งแวดล้อม การรณรงค์ลดการใช้พลาสติก และวัสดุย่อยสลายยาก ทำให้คนหันมาใช้วัสดุอุปกรณ์และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% มากขึ้น

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า ธุรกิจของกลุ่ม KTIS ยังคงพัฒนาไปตามปรัชญาขององค์กรที่ว่า KTIS More Than Sugar ซึ่งการต่อยอดไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องนั้น ได้กระทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ส่วนสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายก็ได้พัฒนาให้ดีขึ้นตลอดเวลา ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเคทิส วิจัยและพัฒนา เพื่อให้กลุ่ม KTIS เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น