สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นน่าจะเข้าสู่รอบขาขึ้นอย่างเต็มตัว โดยดัชนีฯ ราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ ควรตีฝ่าระดับ 1,600 จุดไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ดัชนีฯ กลับปรับฐานสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดีดตัวขึ้น
ข่าวดีจากภายนอกไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นอื่นๆ จะดีดตัวขึ้นก็ช่าง แต่ตลาดหุ้นไทยจึงมีแต่จะลงลูกเดียว และวันจันทร์กับวันอังคารที่ผ่านมา ทรุดลงไปประมาณ 20 จุด ทั้งที่ไม่มีปัจจัยลบกระทบแต่อย่างใด
สาเหตุที่ดัชนีหุ้นโงหัวไม่ขึ้น เกิดจากประเด็นเดียว คือ นักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนรวมเทขายหุ้นอย่างหนัก 2 วันติด
วันจันทร์ที่ 14 มกราคม ขายสุทธิ 2,725.49 ล้านบาท วันอังคารที่ 15 มกราคมขายหนักกว่า 3,222.06 ล้านบาท
ปี 2561 กองทุนรวมเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ซื้อหุ้นตลอดทั้งปี ยอดซื้อสุทธิร่วม 2 แสนล้านบาท และช่วง 2 สัปดาห์แรกของปีนี้ยังเป็นผู้ซื้อรายใหญ่อยู่ และแม้จะขายหนักมา 2 วันติด แต่ยังมียอดซื้อสุทธิสะสมรวมจากต้นปี จำนวน 2,340.89 ล้านบาท
การปรับกลยุทธ์การลงทุน จะช้อนซื้อมายาวนาน เปลี่ยนมาถล่มขาย น่าจะเกิดจากเหตุผลเดียวคือ ผู้ถือหน่วยลงทุนขายคืนหน่วยลงทุน หรือถอนการลงทุน และ กองทุนที่ตกเป็นเป้าการขายคืนหน่วยลงทุน คือ กองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF ที่ครบอายุ 7 ปีตามปฏิทิน
กองทุน LTF สามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ โดยไม่ถูกเรียกคืนภาษีที่ได้สิทธิลดหย่อน เมื่อครบอายุ 7 ปีตามปฏิทิน จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 5 ปี
แต่ผู้ถือหน่วยลงทุน ไม่จำเป็นต้องลงทุนใน LTF จนครบ 7 ปีเต็ม แต่อาจลงทุนเพียง 5 ปีเศษ ก็สามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ โดยเลือกลงทุนในเดือนธันวาคม จะเริ่มต้นนับเป็นปีที่ 1 ของการลงทุน
และถือต่อไปอีกประมาณ 5 ปีกับ 1 เดือน จะครบเงื่อนไข 7 ปีตามปีปฏิทิน
ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี มนุษย์เงินเดือนที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษี จึงเข้ามาลงทุนผ่านกองทุน LTF ทำให้เดือนธันวาคมของแต่ละปี จะมีเงินจากกองทุน LTF ประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
และช่วงเดือนมกราคมของทุกปีเหมือนกัน จะมีการขายคืนหน่วยลงทุนกองทุน LTF ทำให้มีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นน่าจะประมาณสัก 1 หมื่นล้านบาท
แรงขายจากกองทุนรวมที่ทะลักเข้ามาในตลาดหุ้นช่วงต้นสัปดาห์ 2 วันติดต่อ น่าจะเป็นแรงขายจากกองทุน LTF โดยผู้จัดการกองทุนต้องสั่งขายหุ้น เพื่อถือเงินสดรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน และเป็นต้นเหตุที่ทำให้หุ้นตก โดยไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของตลาด หรือข่าวดีและข่าวร้ายแต่อย่างใด
จะมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนกองทุน LTF อีกเท่าใด และแรงขายของกองทุนจะหยุดไหลเมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่ 2 วันก่อนหน้า ถล่มขายออกมาเกือบ 6,000 ล้านบาท จึงไม่น่าจะเหลือแรงขายอีกมากนัก
แต่ไม่ควรประมาท หรือมองโลกในแง่ดีมากไป เพราะต้องระวัง ไม่บุ่มบ่ามสวนแรงขาย โดยเฉพาะเมื่อเป็นแรงขายที่เกิดจากการไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF
เพราะเป็นแรงขายที่ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน ไม่ต้องประเมินว่า ขายในราคาที่เหมาะสมหรือไม่ แต่เป็นแรงขายที่ต้องการกลับมาถือเงินสดโดยตรง จึงไม่สนใจว่า แนวโน้มหุ้นจะเป็นอย่างไร จะขึ้นหรือลง แต่ระดับราคาปัจจุบัน ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF พอใจที่จะขายแล้ว
และขายราคานี้ เมื่อเทียบกับการลงทุนเมื่อ 5-6 ปีก่อน ยังไงก็มีกำไร โดยยังไม่รวมกับสิทธิพิเศษการได้รับลดหย่อนภาษี
สำหรับนักลงทุนที่รอลุ้นหุ้นฟื้น ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะแม้สถานการณ์แวดล้อมจะเอื้อให้ตลาดปรับตัวสู่รอบขาขึ้น และฝรั่งก็ทยอยกลับเข้ามาซื้อแล้ว แต่กลับมีแรงขายจากกองทุน LTF เข้ามาขัดจังหวะเสียได้
มีข่าวดีจากภายนอกเข้ามาหนุน ต่างชาติทยอยกลับมาช้อนหุ้นอย่างนี้ ถ้ากองทุนรวมในประเทศไม่ถล่มขาย หรือเข้ามาซื้อแย่งกับต่างชาติ ป่านนี้ดัชนีฯ หุ้นคงผ่าน 1,600 จุดฉิวไปแล้ว
แต่ที่ตลาดหุ้นยังไปไหนไม่ได้ เพราะแรงขายของกองทุน LTF แท้ๆ
