สวทน.จับมือ “พลังงานบริสุทธิ์” และกลุ่มพันธมิตรทั้งภาครัฐ และสถาบันการศึกษา ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ จัดตั้ง “เครือข่ายพัฒนากำลังคนและความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี ด้านยานยนต์สมัยใหม่ และระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าของประเทศ” เพื่อร่วมกันสร้างระบบการผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติอย่างยั่งยืน
ดร.กาญจนา วานิชกร รักษาการรองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เปิดเผยว่า สวทน. มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนการสร้าง และการพัฒนากำลังคน รวมถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งครั้งนี้ได้ร่วมกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ริเริ่มดำเนินการสร้างเครือข่ายพัฒนากำลังคน และความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านยานยนต์สมัยใหม่ และระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าของประเทศ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาอุตสาหกรรม เทคโนโลยีขั้นสูงแบบบูรณาการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation-Driven Economy) สามารถช่วยลดการนำเข้าและสร้างการส่งออกให้มีมูลค่าเพิ่มกับประเทศ
“ปัจจุบัน ภาคอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างจัดตั้งเมืองอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้ชื่อ โครงการ “บลูเทค ซิตี้” (BlueTech City) ซึ่งเป็นจังหวัดภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC นับเป็นทำเลที่เหมาะสมอยู่ใกล้กรุงเทพฯ สนามบิน ท่าเรือ และทางด่วน จึงมีศักยภาพด้านลอจิสติกส์สูง และเป็นพื้นที่เป้าหมายของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เมื่อมีแผนการลงทุนด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนามากที่สุด คือ คน โดยต้องเชื่อมโยงแผนพัฒนาการศึกษาอย่างเป็นระบบ ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป” ดร.กาญจนา กล่าว
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า กลุ่ม EA รวมถึงบริษัทย่อยได้แก่ บริษัท ไมน์ โมบิลิตี รีเสิร์ช จำกัด (ออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า MINE Mobility) และ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ผลิตระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า หรือ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน) กำลังบุกเบิกและลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า โดยจะนำเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนาคิดค้นขึ้นมาร่วมกับบริษัทย่อยที่ไต้หวันมาขยายผลสร้างโรงงานในประเทศไทยและได้มีการทยอยลงทุนในพื้นที่แล้ว
“ซึ่งบริษัทมุ่งหวังจะนำเทคโนโลยี ที่มีอยู่มาถ่ายทอดสู่ระบบการศึกษา ปูพื้นฐานให้กับบุคลากร ที่จะเป็นกำลังสำคัญของบริษัทในอนาคต จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา และ สวทน. ในการออกแบบจัดทำหลักสูตร การพัฒนาเกณฑ์การประเมินผล การจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรม การพัฒนากำลังคน และความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงระบบการกักเก็บพลังงานไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ให้มีการร่วมวางแผน และสนับสนุนด้านวิทยากร อุปกรณ์และห้องปฏิบัติการ โดยจะพิจารณาผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินผลตามหลักสูตรของเครือข่ายภายใต้ความร่วมมือนี้ ให้เข้าทำงานในกลุ่ม EA ก่อนจะรับบุคคลภายนอกโครงการเข้ามา ด้วยเหตุนี้บริษัทเชื่อมั่นว่า ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในกิจการ คือ การมีบุคลากรที่ดี เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่า ทำให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้” นายอมร กล่าว
สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ประกอบด้วยพันธมิตรรวมทั้งสิ้น 16 องค์กรทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และเอกชน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, หอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์, โรงเรียนดัดดรุณี, บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่มซึ่งประกอบด้วย บริษัท ไมน์ โมบิลิตี รีเสิร์ช จำกัด และบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด