xs
xsm
sm
md
lg

“อีซี่ทรัส” ชี้ดีมานด์โครงหลังคาขยายตัวสวนทางบ้าน-ทาวน์เฮาส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สรพล คงรอด
“อีซี่ทรัส” ระบุอสังหาฯ แนวราบชะลอตัวทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ชี้พื้นที่ กทม.-อีอีซี แนวราบชะลอเปิดตัวไม่กระทบความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาแบบโครงถัก หลังผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลาง ยอมรับและหันมาใช้โครงถักเพิ่มมากขึ้น เผยปี 61 ตลาดโครงหลังคาสำเร็จรูปขยายตัว 10-15% สวนทางตลาดแนวราบ คาดปี 62 ความต้องการใช้โครงสร้างหลังคายังขยายตัวดี แม้ดีมานด์ในตลาดรับสร้างบ้าน-โครงการจัดสรรชะลอตัว

นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูปแบรนด์ อีซี่ทรัส (EASY TRUSS) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดโครงสร้างหลังคาแบบโครงถัก ยังมีทิศทางการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปี 2561 การเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรร และที่อยู่อาศัยแนวราบ จะชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการขยายการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องชะลอการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลง

จากผลกระทบซับพลายคอนโดในตลาดเหลือขายยังมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ๆ ที่ก่อนหน้าได้เปิดตัวโครงการคอนโดออกมาจำนวนมาก ทำให้ยังมีสต๊อกสินค้าในมือค่อนข้างเยอะ จึงมีการปรับแผนชะลอการพัฒนาคอนโด และหันมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนโครงการบ้านจัดสรรทั้งในตลาดระดับกลาง และตลาดระดับบน ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2560 ขยายตัวอย่างมาก

ขณะที่ในปี 2561 การลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เริ่มมีปริมาณลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยในพื้นที่ กทม. และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ 3 จังหวัด EEC ซึ่งในปี 2560 มีการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา เนื่องจากกลุ่มบริษัทมหาชน ได้เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวตามภาคอุตสาหกรรม และตลาดแรงงานภาคอุตสากรรมในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และมีการลงทุนอตุสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม การลดจำนวนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2561 ไม่ได้ส่งผลต่อความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาแบบโครงถักให้ลดลง ตรงกันข้ามความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาแบบโครงถัก กลับขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจาก ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ และขนาดกลางที่ยอมรับและหันมาใช้โครงหลังคาแบบโครงถัก ทดแทนโครงหลังคาเหล็กรูปพรรณ ซึ่งต้องมีการเชื่อมโครงหลังคาที่หน้างานเพิ่มขึ้น การยอมรับและเพิ่มปริมาณการใช้โครงถักของผู้ประกอบการรายใหญ่ และผู้ประกอบการขนาดกลางตลอดจนรายเล็ก ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อโครงสร้างหลังคาแบบโครงถักขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลดีของการใช้โครงถัก คือ ช่วยต้นทุนและระยะเวลางานก่อสร้างลดลง และยังเป็นการบริหารจัดการงานก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ทำให้โครงถักได้รับความนิยมสูงขึ้น

“จากการเพิ่มสัดส่วนการใช้โครงถักทดแทนโครงหลังคาเหล็กรูปพรรณ ทำให้ตลาดโครงหลังคาแบบโครงถักในปี 2561 ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่า ตลาดโครงสร้างหลังคาแบบโครงถักจะขยายตัวอยู่ที่ 10-15% และยังมีแนวโน้มที่ดีมากขึ้น เพราะแนวโน้วการเปลี่ยนมาใช้โครงถักของผู้ประกอบการอสังหาฯ ขนาดกลาง และเล็ก มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม แม้โครงหลังคาแบบโครงถักจะช่วยในเรื่องการลดระยะเวลาก่อสร้าง และต้นทุนได้ดี แต่ยังมีผู้ประกอบการรายเล็กส่วนใหญ่ยังนิยมใช้โครงหลังคาเหล็กรูปพรรณที่ต้องเชื่อมต่อโครงหลังคาที่หน้างาน เพราะผู้ประกอบการรายเล็กยังนิยมใช้บริการรับเหมาก่อสร้างรายเล็กในการสร้างบ้านเป็นหลัก ส่วนการใช้โครงหลังคาแบบโครงถักในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น แม้ว่าบริษัทรับสร้างบ้านยังนิยมใช้โครงถัก แต่เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ชะลอตัวต่อเนื่องในทุกๆ ปี ทำให้ปริมาณการใช้โครงถักในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน มีปริมาณเท่าเดิม

นายสรพล กล่าวว่า ในช่วง 4-5 ปีก่อนที่ผ่านมา ตลาดหลักของ “อีซี่มทรัส” คือ กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน แต่แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงที่ผ่านมา ได้รับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมทั้งด้านการเมือง ภัยธรรมชาติ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้ครัวเรือน ฯลฯ ทำให้ตลาดชะลอตัว และผกผันตลอดมา “อีซี่ทรัส” จึงขยายฐานลูกค้าไปสู่โครงการจัดสรรมากขึ้น ส่งผลให้ขณะนี้ลูกค้าหลัก คือ กลุ่มโครงการจัดสรร และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะตลาดเริ่มยอมรับและหันมาใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปมากขึ้น
SCG -Truss
สำหรับในปี 62 นี้ แม้ว่าแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านและโครงการจัดสรรจะยังชะลอตัว แต่ความต้องการใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปกลับเพิ่มสูงขึ้น จากการเปลี่ยนมาใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปแทนหลังคาแบบเดิมของผู้ประกอบการอสังหาฯ ทำให้ตลาดยังขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนทางกับแนวโน้มตลาดแนวราบในปีนี้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมาใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปของผู้ประกอบการรายกลาง และรายเล็ก ทำให้ตลาดโครงหลังคาในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปัจจุบัน ตลาดโครงสร้างหลังคาแบบโครงถักมีผู้ผลิตและจำหน่าย 3 รายที่แชร์ตลาดหลัก คือ เอสซีจี ตราเพชร และอีซี่ทัส โดยเอสซีจี จะกินแชร์ในตลาดบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ขณะที่ตราเพชร จะเจาะทั้งตลาดบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ จะนิยมใช้โครงถักสมาร์ททัชของตราเพชร เป็นหลัก เนื่องจากตราเพชร มีการทำตลาดแบบครบวงจร คือ ขายในรูปแบบโซลูชัน โครงหลังคาพร้อมติดตั้งกระเบื้องหลังคา โดยเฉพาะกระเบื้องลอนคู่ ซึ่งได้รับความนิยมมาก ขณะที่อีชี่ทรัส ได้ขยายตลาดสู่บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ซึ่งเป็นการผลิตตามออเดอร์ของผู้ประกอบการเป็นหลัก


กำลังโหลดความคิดเห็น