ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งต่อผู้กระทำความผิด 2 ราย “สมบูรณ์ ยิ่งยงกิจมงคล-ศรัณยู ยิ่งยงกิจมงคล” เหตุอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น “ศรีราชาคอนสตรัคชั่น” เรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายจากการตรวจสอบการกระทำความผิดรวม 972,698 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสองเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งต่อผู้กระทำความผิดรวม 2 ราย ได้แก่ (1) นายสมบูรณ์ ยิ่งยงกิจมงคล กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหลักทรัพย์บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (SRICHA) และใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น และ (2) นายศรัณยู ยิ่งยงกิจมงคล กรณียินยอมให้นายสมบูรณ์ ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายจากการตรวจสอบการกระทำความผิดรวมจำนวน 972,698 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสองเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร
ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 นายสมบูรณ์ ยิ่งยงกิจมงคล ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ SRICHA ได้รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับปัญหาค่าใช้จ่ายของโครงการก่อสร้างหลักโครงการหนึ่งที่สูงขึ้นกว่าที่ได้ประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ SRICHA ในไตรมาส 2 ปี 2560 มีผลขาดทุนจำนวนมาก นายสมบูรณ์ ได้สั่งขายหุ้น SRICHA ที่อยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายศรัณยู ยิ่งยงกิจมงคล ซึ่งเป็นบุตรนายสมบูรณ์ ในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2560 จำนวน 225,700 หุ้น และได้รับเงินค่าขายหุ้นจากนายศรัณยู ทำให้ได้ประโยชน์จากการขายหุ้นก่อนผลการดำเนินงานจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 15 สิงหาคม 2560 SRICHA โดยมีผลขาดทุน จำนวน 92.32 ล้านบาท
การกระทำของนายสมบูรณ์ เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลที่รู้ หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 242 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 รวมทั้งใช้บัญชีหลักทรัพย์ของบุคคลอื่นในการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 297 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
สำหรับการกระทำของนายศรัณยู ที่ยินยอมให้นายสมบูรณ์ ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเพื่อขายหุ้น SRICHA เข้าข่ายเป็นการยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในประการที่บุคคลนั้นอาจนำบัญชีไปใช้ในการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 297 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต.นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายสมบูรณ์ และนายศรัณยู โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่าย เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมเป็นเงิน 878,874 บาท และ 93,824 บาท ตามลำดับ และกำหนดระยะเวลาห้ามนายสมบูรณ์ และนายศรัณยู เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 1 ปี และ 6 เดือน ตามลำดับ
ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง หากผู้กระทำผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลาสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่าย เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดแก่ ก.ล.ต.