SISB เข้าเทรดตลาด เอ็ม เอ ไอ วันแรก 29 พ.ย.นี้ เชื่อมั่นเป็นหุ้นน้ำดีอนาคตไกล ผลตอบแทนเยี่ยม โชว์ผลงาน 9 เดือนแรก กำไรนิวไฮในรอบ 3 ปี โดดเด่นที่รายได้โตสม่ำเสมอเฉลี่ย 20% ต่อปี ที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้ชัด SISB ลงทุนได้อย่างสบายใจ เพราะมีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ปลอดหนี้ EBITDA ขยายตัวดีทุกปี เป็นหุ้น “Growth Stock” ตัวจริง
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB มั่นใจว่า หุ้น SISB จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนมีความเข้าใจในลักษณะธุรกิจ และโครงสร้างรายได้ที่มีความสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนของธุรกิจโรงเรียนมากขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ มีโอกาสเติบได้โตอีกมาก เพราะจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนหนี้ ซึ่งจะประหยัดภาระดอกจ่ายปีละประมาณ 30 ล้านบาท และจะทำให้ SISB เป็นบริษัทฯ ที่ปลอดหนี้ หรือ Debt Free ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ยลดลงเหลือต่ำกว่า 0.5 เท่า จากเดิม 2.97 เท่า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีความมั่นคง และแข็งแรงมากขึ้น
“เมื่อดูฐานะการเงิน SISIB จะเห็นว่าเมีความแข็งแกร่ง มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเกือบ 40% ล่าสุด ผลประกอบการในงวด 9 เดือน ปี 2561 อยู่ที่ระดับ 38.79% ด้วยการเติบโตของจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้น เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คงที่ ขณะที่ EBITDA สามารถเติบโตได้ทุกๆ ปี โดย 9 เดือนอยู่ที่ 187.69 ล้านบาท และหลังไอพีโอ ภาระดอกเบี้ยจะลดลง จะทำให้กำไรสุทธิปรับตัวขึ้น ถือเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติเป็น Growth Stock ของจริง”
นอกจากนี้ การมีฐานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะทำให้เข้าถึงแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำ สามารถนำมาต่อยอดและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย และมีศักยภาพในการรับนักเรียนเพิ่มได้มากถึง 4,000 คนภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันที่มีนักเรียนทั้งกลุ่มอยู่ประมาณ 2,334 คน จะเห็นว่า SISB มีความพร้อมในด้านเงินทุนที่จะพัฒนาการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในอนาคต
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่า หุ้นของ SISB พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ มั่นใจว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งมีผู้บริหาร และทีมงานมีประสบการณ์ด้านการจัดการธุรกิจการศึกษากว่า 17 ปี รวมทั้งเป็นผู้นำหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศสิงคโปร์ ติดอันดับ Top 5 ของโลกเข้ามาใช้เป็นหลักสูตรในไทยรายแรก
สำหรับผลการดำเนินงาน ล่าสุด งวด 9 เดือนของปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 71.54 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรสูงสุดรอบ 3 ปี (2558-60) โดยในปี 2558 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.43 ล้านบาท ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 69.83 ล้านบาท และปี 2560 มีกำไรสุทธิ 17.92 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุที่กำไรปี 2560 ลดลงส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อม และภาระดอกเบี้ย
“ที่ผ่านมา SISB มีรายได้โตสม่ำเสมอ เฉลี่ยสูงถึง 20% ต่อปี ล่าสุด 9 เดือนของปีนี้ มีรายได้รวม 690 ล้านบาท และมีรายได้รอรับรู้ในมืออีกประมาณ 636 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมในการศึกษา ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยประมาณ 250 คนต่อปี มีค่าธรรมเนียมการศึกษาเฉลี่ยต่ออยู่ที่ 4 แสนบาทต่อปีต่อคน จึงทำให้ SISB มีรายประจำสม่ำเสมอต่อเนื่อง หรือ Recurring Income อย่างแท้จริง”
สำหรับแนวโน้มธุรกิจการศึกษาอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งจำนวนโรงเรียนนานาชาติในไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 6-8% ปัจจุบันอยู่ที่ 182 แห่ง ขณะที่จำนวนนักเรียนในระบบโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเชื่อว่า ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก