xs
xsm
sm
md
lg

บล.เออีซี ให้กรอบลงทุน 1,587-1,640 จุด ชี้ปัจจัยลบใน-นอกกด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทยวิ่งตามกรอบแนวรับที่ 1,587 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด แนะเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุน ชูหุ้นหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่มโรงแรม ซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำ คาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย หุ้นบริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,587-1,640 จุด ยังคงมีปัจจัยกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายปัจจัยจากต่างประเทศต้องติดตาม ในเรื่องของการประชุมระหว่างสหรัฐฯ-จีน ระหว่างงาน G20 ถ้อยแถลงของประธานเฟด และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง บวกกับความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. ซึ่งมีผลต่อต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ ในช่วงที่ตลาดยังมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ เราแนะนำหุ้น 4 กลุ่มที่น่าลงทุน ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่มโรงแรม ซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง ได้แก่ SSP (S7.5,R7.9), BPP (S23.4,R24), GUNKUL (S3.00,R3.18), CENTEL (S39.5,R42) นอกจากนี้ ยังแนะลงทุน หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำ คาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย คือ TPIPP (S5.95,R6.30), HANA (S33,R35) อีกทั้งบริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง ได้แก่ KTC (S33,R35), MTC (S46.5,R51), SAWAD (S43.25,R48) และแนะลงทุนหุ้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับลงแรง แต่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วจากกำไรปี 62 ที่แข็งแกร่ง BJC (S50,R53), BGRIM (S25,R26.5), MEGA (S30,R32.5)

พร้อมกันนี้ การประชุมระหว่างสหรัฐฯ-จีน ระหว่างงาน G20 ที่จะมีขึ้นวันที่ 30-1 ธ.ค. ซึ่งแม้ตลาดคาดจะเห็นความคืบหน้าของกรอบการแก้ปัญหาทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งสัญญาในการหยุด หรือชะลอแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ของสหรัฐฯ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับไม่มีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลต่อผลลัพธ์ของการประชุมดังกล่าว

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับลงแรงอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุฯ เปิดเผยถึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบเดือน พ.ย. มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และรัสเซียยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สร้างความกังวลต่อภาวะอุปทานที่จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าความต้องการใช้พลังงานโลก ทั้งนี้ เราคาดราคาน้ำมันจะกลับมาพักตัวในกรอบ เพื่อรอความชัดเจนของแผนลดกำลังการผลิตในการประชุมกลุ่ม OPEC วันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งล่าสุด ตลาดคาดทางกลุ่มจะมีโอกาสที่จะปรับลดกำลังการผลิตมากถึง 1.4 ล้าน bps คิดเป็นการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกราว 70% จากข้อตกลงเดิม

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตามองอีกเรื่อง คือ ความไม่แน่นอนของ Brexit ที่แม้ล่าสุด ร่างกฎหมาย Brexit จะได้รับการรับรองจากผู้นำของกลุ่ม EU แล้วในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่คาด นางเทเรซา เมย์ จะต้องเผชิญความท้าทายในการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ผ่านสภาฯ ภายในช่วงปลายปี เพื่อให้อังกฤษสามารถออกจากกลุ่ม EU แบบ Soft Brexist


กำลังโหลดความคิดเห็น