xs
xsm
sm
md
lg

บล. เคทีบี แนะจับตาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน กดดันตลาดผันผวน กดดัน SET ร่วง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บล. เคทีบี คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังผันผวน จับตาการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน และการเมืองไทยเรื่องความชัดเจนของวันเลือกตั้ง มองดัชนีแกว่งในกรอบ 1,590-1,640 จุด แนะเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมาก และหุ้นจ่ายปันผลสูง

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ประเมินทิศทางการลงทุนในสัปดาห์นี้ (26-30 ธ.ค.) ว่ามีปัจจัยสำคัญทั้งในและต่างประเทศที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญ คือ เรื่องการเจรจาการค้าสหรัฐฯ กับจีน ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดยังไม่มั่นใจว่า ผู้นำทั้งสองประเทศจะตกลงกันได้ตามที่เคยคาดการณ์ แม้ว่าทางจีนพร้อมจะเจรจา แต่ทางสหรัฐฯ ยังไม่มีท่าทีที่ดีในการเจรจา ทำให้นักลงทุนรอดูผลในเรื่องนี้ โดยการเจรจาน่าจะทราบผลในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายยอมประนีประนอมจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และผลบวกต่อตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ปรับตัวลงก่อนหน้ามาจากผลกระทบของสงครามการค้า

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องปริมาณน้ำมันในตลาดที่สูงแต่ความต้องการชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก กดดันให้กลุ่มประเทศ OPEC อาจต้องผลักดันให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันลง ซึ่งไม่ได้เป็นการทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นไปที่ 80 เหรียญสหรัฐ (Brent) อีกครั้ง แต่เพื่อเป็นการพยุงให้ราคายืนเหนือ 70 เหรียญสหรัฐ ได้ และคาดว่ามีโอกาสที่จะกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ในช่วง 1.0-1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะผลบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน และสายการบิน แต่กลุ่มโรงไฟฟ้า อาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศเรื่องกำหนดการเลือกตั้ง KTBST ยังเชื่อว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 ตามที่รัฐบาลตั้งไว้ แต่ที่เรากำลังสนใจ คือ พรรคใดจะชนะในการเลือกตั้ง และใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจและทิศทางการเมืองหลังจากผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว คาดว่าต้นเดือน ธ.ค.นี้ น่าจะเห็นรายชื่อผู้ลงสมัครเลือกตั้ง ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งประกาศ นอกจากนี้ การประชุมระหว่าง คสช. และพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค. จะเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหากพรรคการเมืองส่วนใหญ่พร้อมลงเลือกตั้งครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางจาก ตัวเลข GDP, ตัวเลขท่องเที่ยวและตัวเลขส่งออกที่ลดลง เป็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจไทย ทำให้ธนาครแห่งประเทศไทยเตรียมปรับลดประมาณการเติบโตของ GDP ในปีนี้ลง เป็นผลให้นักลงทุนมีความกังวลอยู่บ้าง และทำให้หุ้นที่อิงการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารจะมีความผันผวน แม้การให้เงินช่วยเหลือเงินผ่านบัตรประชารัฐรอบใหม่ และมาตรการลดหย่อนภาษี จะช่วยหนุนหุ้นบางตัว แต่ก็เป็นบวกเพียงเล็กน้อยต่อตลาด เพราะวงเงินไม่สูงนัก

ดังนั้น ทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้ คาดว่า ดัชนีจะมีความผันผวนในกรอบ 1,590-1,640 จุด ประเด็นสำคัญ คือ เรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะมีผลให้นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นไทยต่อ กลยุทธ์การลงทุนควรเน้นซื้อขายทำกำไรในระยะสั้นๆ และควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาก (new low) จากการเปลี่ยนแปลงทางด้านพื้นฐาน (กำไร+อนาคตของธุรกิจ) แต่ KTBST ยังมองว่าเป็นจังหวะซื้อหุ้นที่คาดว่าจะดีดตัวขึ้นตามทิศทางตลาด หรือหุ้นที่ไม่ปรับตัวลงมาก หากตลาดมีแรงขาย ดังนั้น หุ้นที่น่าสนใจในตอนนี้ คือ หุ้นที่มีกำไรดีอยู่แล้ว, มีแนวโน้มธุรกิจที่ยังดีอยู่ รวมทั้งมีกำไรปีหน้าขยายตัวดี และมีอัตราจ่ายเงินปันผลที่ดี โดย KTBST มองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ GULF, MTC, CPALL, BCH รวมถึงหุ้นที่จ่ายปันผลสูง เช่น TISCO และ SPRC และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงเช่น AP และ HANA


กำลังโหลดความคิดเห็น