เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส ปรับโฉมบัตรร่วมเปิดตัว 7 บัตรรวด พร้อมสิทธิประโยชน์ครอบคลุม ตั้งเป้าเพิ่มฐานบัตร 3 หมื่นใบในปีหน้า
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย (เคทีซี) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 13 ปีแห่งความร่วมมือระหว่างเคทีซี และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ได้จัดงานเปิดตัวโฉมใหม่บัตรเครดิตเคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส พร้อมกัน 7 บัตรครอบคลุมทุกเครือข่ายพันธมิตร ได้แก่ 1) เคทีซี เอ็กซ์-บางกอกแอร์เวย์ส เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด 2) เคทีซีเอ็กซ์-บางกอกแอร์เวย์ส วีซ่า ซิกเนเจอร์ 3) เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด 4) เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส วีซ่า ซิกเนเจอร์ 5) เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส วีซ่าแพลทินัม 6) เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด และ 7) เคทีซี-บางกอก แอร์เวย์ส เจซีบี แพลทินัม
พร้อมมอบสิทธิพิเศษและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของสมาชิก อาทิ บินได้เร็วด้วยคะแนน KTC FOREVER 1.5 คะแนนต่อ 1 คะแนนสะสมฟลายเออร์โบนัส รับคะแนน KTC FOREVER สูงสุด 4 เท่า รับสิทธิในการใช้ห้อรับรอง Blue Ribbon Club Lounge สูงสุด 4 ครั้ง โดยได้ตั้งเป้าหมายมีฐานบัตรดังกล่าวเพิ่ม 30,000 รายในปี 2562 จากปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ถือปัจจุบัน 42,000 ราย
“กลุ่มท่องเที่ยว เป็นกลุ่มที่เราเน้นอยู่แล้ว ดังนั้น บัตรเครดิตสำหรับกลุ่มนี้ ก็ต้องมีให้ครอบคลุม ซึ่งยอดใช้จ่ายผ่านบัตรร่วมบางกอกแอร์เวย์ส เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 11,000 บาทต่อบัตรต่อเดือน ซึ่งจากสิทธิประโยชน์ที่เรานำเสนอ เชื่อว่าจะต้องทำให้มียอดใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายไว้เพิ่มขึ้นประมาณ 15%”
*ยอดบัตรใหม่-ใช้จ่ายปีนี้ต่ำเป้า*
สำหรับยอดบัตรใหม่รวมของปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 270,000-280,000 ใบซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 300,000-400,000 ใบ เนื่องจากบริษัทมีการคัดเลือกลูกค้าที่เข้มข้นขึ้น และในปีหน้า ยอดบัตรใหม่น่าจะอยู่ในระดับ 280,000 ใบเช่นกัน โดยมีอัตราการอนุมัติบัตรที่ 47-48% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของบัตรเครดิตที่ 1.16%
ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้ทั้งปี คาดว่าจะเติบโตได้ 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% แม้ว่าในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะเห็นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตได้ดีประมาณ 20% แต่ในเดือนพฤศจิกายนก็มีแนวโน้มที่ชะลอลง ซึ่งก็ถือเป็นช่วงของฤดูกาล และจากฐานที่สูงในปีก่อนที่มีมาตรการช้อปช่วยชาติ ดังนั้น เมื่อเฉลี่ยรวมทั้งปีก็น่าจะเติบโตได้ประมาณ 10% แต่ในปีหน้าก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 15% เท่าเดิม