xs
xsm
sm
md
lg

แสนสิริฯ เผย 10 เดือน ยอดขายทะลุ 4.36 หมื่นล้าน จับตา LTV เร่งกำลังซื้ออนาคตโอนบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


SIRI เผยยอดขายรวม 10 เดือน ทะลุ 43,600 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับล่าสุด เป็น 50,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้นถึง 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลงานโดดเด่นทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย รวมถึงยอดขายจากตลาดต่างชาติที่พุ่งสูงถึง 12,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97% จากเป้าหมาย 13,000 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ลูกค้าแห่โอน ส่งผลโกยรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% จับตาลูกค้าเร่งโอนก่อนการบังคับใช้มาตรการ LTV

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) กล่าวว่า ปี 2561 นับเป็นปีที่ลูกค้าให้การตอบรับดี และเป็นปีที่บริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมทะลุไปถึง 43,600 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายใหม่ที่มีการปรับเป็น 50,000 ล้านบาท โดยบริษัทประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ ที่ตอกย้ำความสำเร็จในปีนี้จากการรุกแบรนด์ สิริ เพลส ทั้ง 7 ทำเลรอบกรุงเทพฯ ด้วยการสร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการอสังหาฯ ลูกค้าชื่นชอบให้การตอบรับดีจนสามารถสร้างยอดขายถล่มทลายในทุกโครงการที่เปิดการขาย บ้านเดี่ยวเซกเมนต์ระดับกลางจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี ทั้งแบรนด์บุราสิริ ภายใต้แนวคิด “Find Your Peace of Mind” บ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง และโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริ ภายใต้แนวคิด “Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ” ในระดับราคา 10-25 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดี เช่น โครงการบุราสิริ พัฒนาการ โครงการเศรษฐสิริ พหล-วัชรพล เศรษฐสิริ บางนา และเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา รวมถึงบ้านแสนสิริ พัฒนาการ ซึ่งเป็นโครงการแฟลกชิปบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรีของแสนสิริ ก็มียอดขายแล้ว 70% มูลค่ารวมกว่า 2,850 ล้านบาท นับเป็นการตอบรับที่รวดเร็วในกลุ่มบ้านเดี่ยวในระดับราคา 65-240 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมก็ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด XT คอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส และคอนโดมิเนียมแบรนด์ดีคอนโด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น โครงการเดอะ เบส เซ็นทรัล-ภูเก็ต และดีคอนโด แคมปัส โดม-รังสิต ที่มีกระแสตอบรับที่ดีมากจนสามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซล รวมถึงดีคอนโด หาดใหญ่ ที่มียอดขายแล้วกว่า 80% รวมถึงบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติ ที่ทำได้ถึง 12,600 ล้านบาท คิดเป็น 97% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบัน แสนสิริ ยังนับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าต่างชาติที่สูงที่สุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกัน (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากการโอนโครงการแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 60 : 40 โดยเริ่มโอนโครงการ ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ ที่เริ่มรับรู้การโอนในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส อีก 1,120 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือน อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท

“ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ยังนับเป็นไตรมาสที่สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ คาดว่าลูกค้าจะเร่งตัดสินใจซื้อและโอนที่อยู่อาศัย ก่อนมาตรการวางเงินดาวน์ใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัดตามแผนการดำเนินงาน และเพื่อตอบรับความต้องการลูกค้าในเชียงใหม่ และหัวหิน อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท รวมถึงการเตรียมโอนโครงการใหม่ ได้แก่ ดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน มูลค่าโครงการ 1,222 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องในผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก้าวสู่เป้าหมายยอดขายที่วางไว้ และเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ #SansiriBestYearEver”


กำลังโหลดความคิดเห็น