xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้แนะจับตาดัชนี 1,780 จุด หากไม่ทะลุหุ้นไทยมีโอกาสลงยาว 2-3 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บล. ทิสโก้ แนะจับตาเดือน มี.ค. 62 ดัชนีหุ้นไทยจะยืนเหนือ 1,780 จุดได้หรือไม่ ชี้หากไม่ทะลุในทางเทคนิคหุ้นไทยมีโอกาสเข้าสู่ขาลงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล. ทิสโก้ (Mr.Viwat Techapoonphol, Deputy Managing Director, Head of Technical Analysis, TISCO Securities Co., Ltd) กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่า หากวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค บล. ทิสโก้ ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2561 จะอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยคาดว่าดัชนีจะปรับขึ้นไปทดสอบที่บริเวณ 1,730-1,750 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเม็ดเงินในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะไหลเข้ามาเพิ่มอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง การเร่งรัดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาล ขณะเดียวกัน ยังเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนไทยทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2561 ส่วนแนวรับคาดว่าจะไม่หลุดกรอบที่ 1,630 จุด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนตุลาคม 2561 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงมากจึงประเมินว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ น่าจะเป็นจังหวะของการรีบาวนด์ ดังนั้น จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าช้อนซื้อหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี ราคาถูก รวมถึงเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐบาล โดยหุ้นเด่นประจำเดือนพฤศจิกายน คือ BBL, MTC, NYT, ROJNA, SEAFCO, STEC, TPCH และ TPIPP ซึ่ง บล. ทิสโก้ คาดหวังอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อหุ้นไว้ที่ประมาณ 8.0%

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับภาพการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพียงการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ หรือเป็นการส่งสัญญาณว่า หุ้นไทยเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ ซึ่งหากเป็นเหตุผลหลังนั้น ประเมินว่าอาจจะกินเวลาต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีนับจากนี้

“ต้องจับตาดูในเดือน มี.ค. 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีข่าวดีพร้อมกัน นั่นคือ มีการเลือกตั้ง และเป็นจังหวะที่บริษัทต่างๆ ทยอยจ่ายปันผล (Dividend & Pre Election Rally) ว่า ดัชนีหุ้นไทยจะสามารถยืนเหนือ 1,780 จุดได้หรือไม่ โดยในทางเทคนิคหากดัชนีไปยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ หุ้นไทยจะไปต่อที่ 1,850-1,900 จุด กรณีที่ยืนไม่ได้หรือไม่ทะลุ 1,780 จุด หุ้นไทยจะเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ และจะเป็นขาลงต่อเนื่องยาวนานไปอีก 2-3 ปี โดยมีแนวรับแรกที่ 1,600 จุด และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 จะมีโอกาสหลุดแนวรับดังกล่าวไปทำแนวรับใหม่ที่ 1,400 จุด เพราะข่าวดีเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การอนุมัติโครงการต่างๆ ได้ดำเนินการไปในช่วงก่อนการเลือกตั้งแล้ว” นายวิวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ ในปี 2562 ยังมีปัจจัยกดดันหุ้นไทยประเด็นเรื่องเม็ดเงินจาก LTF อาจจะไหลเข้าซื้อหุ้นไทยเป็นปีสุดท้าย แม้นักลงทุนบางส่วนยังไม่สามารถขายหุ้นออกมาได้ เพราะติดเงื่อนไขต้องถือกองทุนรวม LTF ให้ครบ 5 ปีปฏิทิน และ 7 ปีปฏิทิน แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนรวม LTF ครบ 5 ปีปฏิทินแล้ว ประเมินว่าหลังจากนี้นักลงทุนกลุ่มนี้จะมีความตั้งใจขายหุ้นมากขึ้น ดังนั้น ในปี 2562 อาจได้เห็นแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี สำหรับปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนหุ้นไทยในปี 2562 คือ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ การจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน และฐานราคาหุ้นที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต


กำลังโหลดความคิดเห็น