เวิล์ดแบงก์ปรับอันดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจของไทยในปี 62 ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 59 เป็นรองแค่สิงคโปร์ พร้อมให้ความเห็นหากเอกชนไทยยื่นและชำระเงินสมทบของนายจ้างผ่านระบบ e-Payment ของสำนักงานประกันสังคมมากขึ้น จะทำให้ไทยสามารถลดจำนวนครั้งในการชำระภาษีลงได้อีก 11 ครั้ง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจประจำปี 2562 หรือ Doing Business 2019: Training for Reform ที่เผยแพร่โดยธนาคารโลกเมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 โดยประเทศไทยมีอันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศของโลก โดยเฉพาะด้านการชำระภาษี (Paying Taxes) ที่มีอันดับดีขึ้น ซึ่งก้าวกระโดดจาก 109 ในปี 60 มาเป็น 67 ในปี 61 และล่าสุด ในปี 62 ได้ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 59 ซึ่งเป็นรองเพียงสิงคโปร์ว่า กรมสรรพากรได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนของประเทศก้าวสู่ความเป็น Digital Economy
โดยได้พัฒนาและปรับปรุงระบบการให้บริการผู้เสียภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ทำให้ปัจจุบัน ผู้เสียภาษีสามารถดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การคำนวณภาษีผ่านโปรแกรม Tax Calculation Spreadsheets ที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยคำนวณรายจ่ายทางภาษีให้ง่าย รวดเร็ว ถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น ไปจนถึงการกรอกข้อมูลในแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบ e-filing แทนการกรอกแบบและยื่นแบบด้วยกระดาษ พร้อมชำระภาษีผ่านระบบ e-payment ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษีทั้งการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยื่นแบบและชำระภาษี ส่งผลให้ระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีนิติบุคคลตามรายงาน Doing Business 2019 ลดลงกว่า 30 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีและขับเคลื่อนกรมสรรพากรให้สู่เป้าหมาย Digital RD 2020 กรมสรรพากรได้นำกลยุทธ์ D2RIVE (Digital Transformation, Data Analytics, Revenue Collection, Innovation, Value และ Efficiency) เพื่อนำ Digital มาใช้ในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมสรรพากร ในการจัดการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกรมสรรพากร
นอกจากนี้ ความพยายามของกรมสรรพากรในการพัฒนาและประชาสัมพันธ์ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ อย่างต่อเนื่อง ได้ผลักดันให้ภาคธุรกิจเข้ามาใช้ระบบฯ มากขึ้นจนสามารถลดระยะเวลาและต้นทุนการประกอบธุรกิจได้จริง ทำให้ธนาคารโลกเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกรมสรรพากร ที่มีมาอย่างยาวนานและในรายงานปี 62 ธนาคารโลกจึงได้ประกาศให้ด้านการชำระภาษีของไทยมีการปฏิรูปที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารโลกเห็นว่า หากเอกชนไทยยื่นและชำระเงินสมทบของนายจ้างผ่านระบบ e-Payment ของสำนักงานประกันสังคมมากขึ้น จะทำให้ประเทศไทยสามารถลดจำนวนครั้งด้านการชำระภาษีลงได้อีก 11 ครั้ง ซึ่งจะทำให้จำนวนครั้งด้านการชำระภาษีของไทยเท่ากับกลุ่มประเทศ OECD อีกทั้งการเป็น Digital RD 2020 จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีในประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์ ลดต้นทุนการประกอบธุรกิจในประเทศไทย และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการชำระภาษีของประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด