กลุ่มร่วมทุนนำโดย “ไทคอน” ธุรกิจในกลุ่มของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ชนะประมูลที่ดินแปลงใหญ่จากกรมบังคับคดี เนื้อที่ 4,300 ไร่ ของบริษัทเอคิว มูลค่า 8,914 ล้านบาท คาดต่อยอดสร้างบิ๊กโปรเจกต์รับอีอีซี คาดเงินประมูล เอคิว ชำระหนี้กรุงไทย เพื่อลดภาระ หนุนผลประกอบการดีขึ้น
วานนี้ (17 ตุลาคม 2561) กรมบังคับคดี ได้มีการเปิดประมูลที่ดินแปลงใหญ่ของบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ (เดิมคือ บมจ.กฤษดามหานคร) จำนวน 4,300 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ถนนบางนา-ตราด กม.32.5 ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่ (มอเตอร์เวย์) ซึ่งเป็นนัดที่ 5 หลังจากที่ได้เลื่อนการประมูลนัดที่ 4 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 61 โดยผู้ชนะประมูล เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON บริษัท สวนอุตสหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA และนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ซึ่งผู้ชนะประมูลได้มูลค่า 8,914.07 ล้านบาท โดยจ่ายมัดจำ 448.5 ล้านบาท และในระเบียบของการประมูลภายใน 15 วัน จะต้องนำเงินที่เหลือ 8,465.57 ล้านบาท มาชำระนับจากวันที่ประมูลทรัพย์ได้
“เป็นที่แน่ชัดแล้ว มีการประมูลแปลงที่ดินของ AQ แต่ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้” แหล่งข่าวจากบริษัท เอคิวฯ ระบุ
โดยบริษัทได้ผู้ชนะการประมูลที่ดิน 4,300 ไร่แล้ว ซึ่งเป็นบริษัท ทีอาร์เอ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่มี ไทยคอน และ ROJNA เป็นผู้ร่วมทุนหลัก ซึ่งได้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 เพื่อประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ทีอาร์เอฯ ประกอบด้วย บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่นฯ ถือหุ้น 50% ROJNA ถือหุ้น 25% และนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย ถือหุ้น 25%
โดยไทคอนฯ เป็นบริษัทในกลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มีบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ TICON โดยถือ 735 ล้านหุ้น คิดเป็น 40.07%
“บริษัทมีความสนใจเข้าประมูลที่ดินผืนนี้มาหลายครั้ง แต่การประมูลก็มีการเลื่อนออกไปหลายรอบ ทำให้มีความล่าช้า และการที่บริษัทร่วมทุนได้ที่ดินผืนดังกล่าวมาถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นที่ดินที่มีศักยภาพที่มาพัฒนาโครงการต่างๆ ได้” แหล่งข่าวจาก ROJNA กล่าว
อนึ่ง สาเหตุที่กรมบังคับคดี ได้เลื่อนประมูลในนัดที่ 4 เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญา มีคำสั่งให้ขายที่ดินเฉพาะบางส่วน ไม่ได้ให้ขายทั้งแปลง ทั้งนี้ ที่ดินของเอคิว มีประมาณ 4,300 ไร่ จำนวน 215 แปลง ราคาประเมิน 8,900 ล้านบาท ซึ่งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดหมาย หลังจากการประมูลที่ดิน 4,300 ไร่เสร็จสิ้นแล้ว บริษัท เอคิวฯ จะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ยังมีมูลหนี้เหลืออยู่ 8,360 ล้านบาทในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวเลขขาดทุนสะสมของบริษัท เอคิวฯ ลดลงอย่างมาก เนื่องจากเป็นผลขาดทุนสะสมเกิดขึ้นมาจากการบันทึกตั้งสำรองหนี้สินคดีธนาคารกรุงไทย นอกจากนี้ ผลที่จะตาม คือ ธนาคารกรุงไทย จะได้รับผลบวกจาการรับชำระคืนหนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก แต่กระนั้น มูลหนี้ที่บริษัทเอคิว มีต่อธนาคารกรุงไทยฯ ที่ต้องชำระคืนอยู่ที่ 10,004 ล้านบาท