กสิกรไทย เผยมีแผนปิดสาขา 90 แห่งในปีนี้ และคาดสาขาปีหน้าจะอยู่ที่ 850 สาขา จากปัจจุบันประมาณ 1,000 สาขา พร้อมปรับรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า ล่าสุด เปิด KOS เอาใจลูกค้ากลุ่มแม่ค้าออนไลน์
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า นโยบายด้านการบริหารจัดการสาขาของธนาคารนั้น จะมีทั้งการปิดสาขา การปรับรูปแบบสาขา และการเปิดเพิ่มสาขารูปแบบใหม่ ซึ่งโดยรวมแล้วในปีนี้ ธนาคารจะเหลือสาขาประมาณ 900 สาขา จำนวนสาขาที่ปิด 90 สาขา และจะเหลือจำนวน 850 สาขาในปีหน้า
ทั้งนี้ รูปแบบสาขาของธนาคารต่อไปจะมี 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. สาขาแบบเดิมที่ให้ลูกค้าทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ 2. สาขาในรูปแบบ K PARK เปิดสาขาแรกที่สถานีน้ำมัน ปตท. หทัยราษฎร์ 33 และมีแผนจะเปิดอีกแห่งที่เส้นทางตัดใหม่กาญจนาภิเษกในต้นปีหน้า 3. สาขาในรูปแบบ Kiosk และ 4. สาขาในรูปแบบ K ONLINESHOP SPACE หรือ KOS เพื่อสนับสนุนลูกค้ากลุ่มค้าขายออนไลน์
“สาขาแต่ละแบบก็จะเหมาะกับสภาวะของแต่ละพื้นที่อย่าง K PARK จะเป็นพื้นที่แถบชานเมืองรองรับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของลูกค้ามากกว่าปริมาณธุรกรรมทางการเงิน อาทิ ที่นั่งรอลูกเรียนพิเศษ ที่ประชุมย่อยๆ ของลูกค้านักธุรกิจ ถือเป็นอีกช่องทางที่จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่นอกเหนือไปจากบริการอื่น อาทิ ที่ปรีกษาการลงทุน ซึ่งส่วนนี้เราจะไม่ได้ดูที่ปริมาณธุรกรรม แต่เป็นการเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้ลูกค้ามากกว่า ตอนนี้ก็ดูๆ ไว้อีก 2-3 แห่ง ก็จะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรหลัก ปตท.เหมือนเดิม ขณะที่ KOS ก็จะเน้นในพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้ค้ารายย่อยมากๆ อยู่ในชุมชน เป็นต้น”
ล่าสุด ธนาคารได้เปิด KOS ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้และให้คำปรึกษาเรื่องการทำตลาดออนไลน์ และให้คำปรึกษาเรื่องการทำตลาดออนไลน์ ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ค้าขายทางออนไลน์ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญในวงการที่พร้อมให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นที่พบปะ เพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้สำหรับลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันอีกด้วย
ทั้งนี้ ธนาคารให้ความสำคัญกับกลุ่มการค้าขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมียังมีแนวโน้มเติบโตต่อไป โดยปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าที่คาดว่าทำธุรกิจออนไลน์ทั้งสิ้น 300,000 ราย พร้อมกลยุทธ์ขั้นกว่าในการดูแลลูกค้ากลุ่มออนไลน์ให้ครอบคลุมในทุกด้าน เพื่อช่วยลูกค้าในการทำตลาดออนไลน์ ด้วย 5 ตัวช่วยจัดการธุรกิจ ได้แก่ การรับจ่ายเงินง่าย โซลูชันที่จะช่วยให้การขายออนไลน์ง่ายขึ้น ด้วยแอปพลิเคชัน K PLUS SHOP ด้านการเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ ด้วยบริการสินเชื่อเอสเอ็มอี บน K PLUS ส่งตรงถึงลูกค้า ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องยื่นเอกสาร 1 นาทีสามารถรับเงินด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท สำหรับธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะที่ตั้งเป้าสินเชื่อไว้ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มช่องการขาย ผ่าน K PLUS Market ที่มีฐานลูกค้ากว่า 9.4 ล้านราย และช่วยพัฒนาทักษะการขายบน e-Marketplace Platform เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการขาย และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเปิด KOS และพัฒนา K DIGIBIZ แหล่งรวบรวมตัวช่วยด้านการจัดการธุรกิจให้ดีขึ้นด้วยเครื่องมือจัดการการขาย, เก็บ, แพก, ส่ง, ขนส่งสินค้า, รับจ่ายเงินและจัดการบัญชี เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ค้าออนไลน์ได้เป็นอย่างดี โดยจะให้บริการได้ในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้