xs
xsm
sm
md
lg

GBS มองกรอบ SET ช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ที่ 1,650-1,800 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


GBS มองกรอบ SET ช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ที่ 1,650-1,800 จุด แม้ปัจจัยต่างประเทศผันผวน แต่เชื่อปัจจัยบวกจากในประเทศช่วยประคองตลาด

บล. โกลเบล็ก (GBS) มองกรอบดัชนีหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ยังผันผวนในกรอบ 1,650-1,800 จุด แม้จะมีปัจจัยจากต่างประเทศเป็นตัวแปรสำคัญด้านการลงทุน แต่ปัจจัยบวกจากในประเทศทั้งประเด็นการเมือง การเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดประมูลด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ตลอดจนเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาช่วยประคองตลาด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังคงมีแนวโน้มผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นแปรหลักที่สำคัญที่เข้ามาฉุดภาพรวมการลงทุน อีกทั้งเรื่องสงครามการค้าที่ยังคงยืดเยื้อ และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือนธันวาคม และ fund flow ไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินที่อ่อนค่า

ทั้งนี้ ปัจจัยที่นักลงทุนยังคงต้องจับตาหลังจากนี้ คงเป็นกรณีการที่จะจัดให้การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ รวมถึงการกำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7-8 พ.ย., กำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม โดยจะเกิดขึ้นวันที่ 14 พ.ย. และการกำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 18-19 ธ.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ที่ประชุมฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และในวันที่ 19 ธ.ค. กำหนดประชุม กนง. โดยคาดว่า ที่ประชุมอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากดัชนีเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแรงชนกรอบเป้าหมายที่ระดับ 1.25%

ขณะที่ปัจจัยในประเทศนั้น มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ที่มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงความคืบหน้าในการเตรียมตัวของพรรคการเมือง ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย Consensus คาดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 อยู่ที่ระดับ 4.4-4.8% รวมถึงการเปิดประมูลโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และเม็ดเงินกองทุน LTF/RMF ในช่วงปลายปีที่จะเข้ามาช่วยพยุงภาพรวมตลาดหุ้นไทย

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2561 ยังคงผันผวนอยู่ในกรอบ 1,650-1,800 จุด โดยแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้น เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวจากภาวะตลาด อาทิ หุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันในช่วงปลายปี ทำให้มีการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ดังนั้น แนะนำ TMB KKP และ KBANK พร้อมทั้งยังแนะนำหุ้น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากได้ประโยชน์จากการเร่งประมูลโครงการขนาดใหญ่ช่วยเติม backlog อาทิ CK

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยยังจัดทำบทวิเคราะห์และประเมินผลภาพรวมผลการดำเนินงานหุ้นในกลุ่ม mai โดยประเมินถึงผลประกอบการด้านกำไรที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น จึงแนะนำ หุ้น DOD ให้ราคา 17.50 บาท โดยคาดกำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังปีนี้เติบโตราว 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการมีลูกค้ารายใหม่ที่คาดจะเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/61, หุ้น XO ราคาเหมาะสม 13 บาท คาดอัตรากำไรขั้นต้นตั้งแต่ไตรมาส 3/61 จะปรับตัวขึ้นราว 2-3% สู่ระดับ 39-40% หนุนกำไรปี 2561 เติบโต 210%

หุ้น CHAYO ราคาเหมาะสม 4 บาท คาดกำไรสุทธิเติบโต 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้กองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมีหลักประกันในครึ่งหลังปีนี้, หุ้น TACC ราคาเหมาะสม 5 บาท คาดว่ากำไรในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะเริ่มทยอยเห็นการพลิกฟื้นจากฐานที่ต่ำในครึ่งปีแรก และพลิกกลับมาเติบโตได้ในปี 2562, หุ้น SSP ราคาเหมาะสม 11.20 คาดแนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งหลังปีนี้ เติบโต 14% จากช่วงครึ่งปีแรก จากโครงการที่เริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ 1 ส.ค. และโครงการอื่นๆ จะทำได้ตามกำหนดการ มีบางโครงการเร็วกว่ากำหนด หุ้น JKN ราคาเหมาะสม 13.40 บาท กลยุทธ์มุ่งส่งออก Content ลูกค้า CLMV หนุนรายได้ส่งออกปี 61 โตเกินเป้า 120 ล้านบาท และหุ้น AUCT ราคาเหมาะสม 8.25 บาท คาดยอดขายครึ่งหลังปีนี้จะเร่งตัวขึ้นจากครึ่งปีแรกตามปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับยอดขายรถใหม่ภายในประเทศปีนี้เติบโตดี


กำลังโหลดความคิดเห็น