“ชีวาทัย” ได้ฤกษ์เปิด 3 โครงการใหม่ปี 61 ประเดิมโครงการแรก “ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ” ไตรมาส 4 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการทาวน์เฮาส์ รังสิต คลอง 4 - ฮอลล์ มาร์ค จรัญสนิทวงศ์ 13 จากแผนเดิมเปิด 9 โครงการมูลค่า 8,300 ล้านบาท ยังมั่นใจรายได้ตามเป้า 2,400 ล้านบาท
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA กล่าวว่า บริษัทได้เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดิน 1 ไร่ 94 ตารางวา จำนวน 130 ยูนิต ขนาดห้อง 30-62 ตารางเมตร ราคาขายตั้งแต่ 5.59-10.40 ล้านบาท/ยูนิต หรือมีราคาเฉลี่ยที่ 190,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาทซึ่งจะเปิดขายรอบ VIP ในวันที่ 6-7 ต.ค. 61 และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10-11 พ.ย. 61 โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดขายในช่วงวันเปิดขายพรีเซลล์อย่างเป็นทางการราว 50-80% ของโครงการ โดยที่เป็นสัดส่วนการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ 20-30%
ส่วนไตรมาส 4/61 เปิด 2 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาโฮม วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 4 มูลค่า 700 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮมส์ 2 ชั้น จำนวน 272 ยูนิต ราคาขายประมาณ 2-3 ล้านบาท/ยูนิต โดยจะแบ่งทยอยเปิดขายเป็น 4 เฟส ซึ่งในทำเลดังกล่าวยังมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง อัตราการขาย 5-10 ยูนิตต่อเดือน ส่วนโครงการที่ 3 คือ ฮอลล์ มาร์ค จรัญสนิทวงศ์ 13 เป็นโครงการโลว์ไรส์ จำนวน 159 ยูนิต มูลค่า 430 ล้านบาท,
ทั้งนี้แผนลงทุนเดิมที่บริษัทวางเอาไว้คือเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 9 โครงการมูลค่า 8,300 ล้านบาท เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นงานก่อสร้างบ้านตัวอย่างและคลับเฮาส์ยังไม่แล้วเสร็จ ขณะทีคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างการอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับ 8 โครงการเลื่อนเปิดจากปี 61 ไปเป็นต้นปี 62
สำหรับโครงการที่เลื่อนเปิดไปปี 62 ได้แก่ 1. โครงการชีวาทัย เกษตรนวมินทร์ คอนโดมิเนียมไฮไรส์ จำนวน 480 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท, 2.โครงการฮอลล์มาร์ค โชคชัย 4 มูลค่าโครงการ 2,012 ล้านบาท เป็นโครงการโลว์ไรส์ โดยมี 806 ยูนิต มูลค่า 2,011 ล้านบาท, 3.โครงการชีวาวัลย์ ปิ่นเกล้า-สาทร โครงการบ้านเดี่ยว 51 ยูนิต มูลค่า 1,226 ล้านบาท, 4.โครงการชีวา โฮม สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ เป็นโครงการทาวน์โฮม ขนาด 391 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 2.1-2.49 ล้านบาท มูลค่า 885 ล้านบาท 5. โครงการ ฮาร์ท สุขุมวิท ซึ่งเป็นทาวน์โฮม ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 62/1 มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท และ 6. โครงการ ฮาร์ท ทองหล่อ ซึ่งเป็นทาวน์โฮม ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท
นายบุญ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมในตลาดอสังหาริมทรัพย์มองว่าโครงการคอนโดมิเนียมในบางทำเลมีซัพพลายที่ออกมามากจนตลาดอิ่มตัว โดยเฉพาะทำเลรอบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ปัจจุบันยังคงเป็นทำเลที่โอเวอร์ซัพพลาย แต่ผู้ประกอบการเองก็ได้ปรับตัวด้วยการไม่เปิดโครงการเพิ่มในทำเลที่มีแนวโน้มสินค้าล้นตลาด ทำให้ตลาดได้ปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล ในขณะที่ทำเลกรุงเทพฯชั้นในยังสามารถพัฒนาและขายได้ดีต่อเนื่องมากกว่า โดยเฉพาะทำเลย่านทองหล่อที่ผู้ซื้อเป็นลักษณะของกลุ่มี่เรียกว่า Emotional Demand เป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อแสดงฐานะทางสังคม ซึ่งทำให้โครงการในย่านทองหล่อสามารถขายได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายเปิดมากโครงการในย่านทองหล่อมากก็ตาม
ส่วนโครงการแนวราบยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น โดยจับกลุ่มลูกค้าในประเทศ ซึ่งกลุ่มลูกค้าชาวเอเชียส่วนใหญ่ยังต้องการอยู่บ้าน ซึ่งบริษัทเองได้เริ่มขยายการพัฒนาไปสู่โครงการแนวราบมากขึ้น และโครงการแนวราบเป็นโครงการที่รับรู้รายได้เร็ว แต่ในส่วนของบริษัทการปรับสัดส่วนรายได้โครงการแนวราบให้เพิ่มเป็น 40% ภายใน 2 ปี ยอมรับว่าไม่สามารถทำได้ตามแผน เนื่องจากจะต้องเปิดโครงการแนวราบไม่น้อยกว่า 10 โครงการ โดยสิ้นปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบยังคงไม่ถึง 5% ใกล้เคียงกับปีก่อน
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมั่นใจรายได้ 2,400 ล้านบาท หรือโต 20% ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 1,450 ล้านบาท โดยที่รายได้จะมาจากการส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/61 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่กว่า 800 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 3/61
นอกจากนี้ บริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต๊อก) มูลค่ารวมราว 2,100 ล้านบาท ส่วนในปี 62 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% หรือจำนวน 2,800 ล้านบาท