ออริจิ้นเปิดแผนปี 62 เปิดโครงการใหม่ มูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการร่วมทุนโนมูระ 15,000 ล้านบาท โครงการแนวราบ 6,000 ล้านบาท ที่คอนโดฯพัฒนาเอง ล่าสุด ผนึก “โนมูระฯ” ผุด “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวม 30,000-32,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท และเป็นโครงการแนวราบ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเอง ซึ่งยังไม่รวมโครงการพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ ที่มีมูลค่า 6,000 ล้านบาทที่เลื่อนเปิดตัวจากไตรมาส 4 ปีนี้ เป็นไตรมาส 1/62 เนื่องจากเตรียมความพร้อมไม่ทัน
ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย เมกะทาวน์ ประกอบด้วย ทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิต, บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด จำนวนประมาณ 500 ยูนิตบนพื้นที่ 60 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และอีก 1 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย แกรนด์ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 12 พื้นที่ 30 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 200 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
สำหรับเซกเมนต์ของสินค้าที่จะพัฒนาในปี 62 นั้น ยังคงเน้นไปที่ตลาดระดับกลางบนเป็นหลัก เนื่องจากลูกค้าระดับกลางบนยังมีกำลังซื้อ ขณะที่ลูกค้าตลาดระดับกลางล่างส่วนใหญ่ประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง จึงถูกปฏิเสธสินเชื่อหรือรีเจกต์จากสถาบันการเงินในอัตราที่สูง ซึ่งบริษัทได้ปรับตัวเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ตลาดโดยหันมาพัฒนาสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ ราคาสินค้าเฉลี่ยของบริษัทจะขยับไปอยู่ที่ระดับ 6 ล้านบาทต่อยูนิต จากปัจจุบัน ราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราคาเฉลี่ย 3.5 ล้านบาท เนื่องจากเห็นโอกาสของกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่มีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง มีกำลังซื้อสูงทั้งจากชาวไทย และชาวต่างชาติ ทำให้บริษัทไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่โอน หรือถูกรีเจกต์จากสถาบันการเงิน
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ดีขึ้น ส่งผลให้กลุ่มระดับบนจะได้รับประโยชน์เป็นกลุ่มแรก จึงมีศักยภาพมากในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังพบว่า ลูกค้ามีสัดส่วนการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมแบบจ่ายเงินสด เพิ่มขึ้นเป็น 40% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กลุ่มลูกค้าของบริษัทเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ออกมาเตือนการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ และเตือนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการขายโครงการ เนื่องจากเกิดปัญหาผู้ซื้อโครงการแบบยกล็อตในราคาถูก หรือเรียกว่าแก๊งค์โค้ท การที่ ธปท.ออกมาเตือน และเพิ่มความเข้างวด จึงถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เกิดการเฝ้าระวัง เพราะอาจเกิดปัญหาลูกค้าซื้อยกล็อตแล้วไม่ยอมรับโอน และอาจกลายเป็นหนี้เสีย เกิดผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจได้
“บริษัทยังไม่ประสบปัญหาแก๊งค์โค้ท เนื่องจากเราปฏิเสธที่จะขายให้ นอกจากนี้ ห้องชุดที่บริษัทมีราคาสูง ยังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของแก๊งค์นี้ ที่จะเน้นคอนโดฯ ระดับ 1-2 ล้านบาท กลุ่มที่ซื้อยกล็อต จะนำคอนโดที่ซื้อได้ในราคาถูกไปขายต่อให้กับผู้ที่ไม่เคยลงทุนอสังหาฯ แต่ในส่วนของบริษัทเป็นการขายให้กับเอเยนซีนำไปขายต่อเพียงอย่างเดียว ทำให้ยังไม่มีผลกระทบ” นายพีระศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ขึ้นเป็นกว่า 16,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 15,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอนมูลค่ารวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 9,000-10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2564 นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายเพิ่มเป็น 24,000 ล้านบาท จากเป้าหมาเดิมที่ 20,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินค้ารอขายในมือมูลค่ารวม 7 พันล้านบาท จาก 14 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทันที
ล่าสุด ได้ร่วมทุนกับ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด พัฒนาโครงการ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการระดับลักชัวรี 3 อาคาร 1,182 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 2.3-2.5 แสนบาทต่อ ตร.ม. หรือประมาณ 7.5-18 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท บนที่ดินขนาดประมาณ 5 ไร่ ประกอบด้วยอาคารสูง 39 ชั้น 1 อาคาร 53 ชั้น 1 อาคาร และ 59 ชั้น 1 อาคาร ซึ่งจะเปิดพรีเซลใน พ.ย.นี้ เริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564
ส่วนที่ดินในส่วนที่เหลืออีกกว่า 7 ไร่ ในบริเวณเดียวกัน บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาเป็นโครงการมิกส์ยูส ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และรีเทล มูลค่าสูงมากกว่าพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งโครงการนี้ยังร่วมทุนกับโนมูระเช่นเดิม
