xs
xsm
sm
md
lg

LPN เพิ่มน้ำหนักแนวราบลดความเสี่ยงหลังพบคอนโด 3 ล้านล้นทุกทำเล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โอภาส ศรีพยัคฆ์
คอนโด 3 ล้านบาท ซัปพลายล้นทุกทำเล แบงก์เข้มปล่อยกู้ ส่งผลตลาดรวมคอนโดไตมาส 3/61 หดตัวทั้งยอดขาย-โอนกว่า 20% จากปีก่อน ด้าน LPN เพิ่มน้ำหนักตลาดแนวราบกระจายความเสี่ยง ตั้งเป้าปี 63 รายได้จากโครงการแนวราบแชร์รายได้รวม 10% คาดปี 62 คอนโดฟื้นตัวรับอานิสงส์การเลือกตั้ง แจงไตรมาส 4/61 เปิดตัว 6 โครงการแนวราบ 3 คอนโด 3 มูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2561 นี้ ไม่ดีนัก โดยเฉพาะไตรมาสที่ 3 นี้ ยอดขายและยอดโอนคอนโดในตลาดรวมมีการปรับตัวลดลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดในปีนี้ปรับตัวลดลง คือ การเพิ่มขึ้นของยูนิตใหม่ที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดระดับราคา 3 ล้านบาท ทำให้เกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลายในทุกทำเล ส่วนตลาดระดับบนยังดีอยู่ ขณะที่ตลาดระดับล่างราคา 1 ล้านบาทลงไป ยังมีดีมานด์สูง แต่ขาดซัปพลายเข้ามารองรับ เพราะซัปพลายคอนโดต่ำกว่า 1 ล้านบาท แทบไม่มีเข้าสู่ตลาด

นอกจากปัจจัยเรื่องซัปพลายล้นตลาดแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดชะลอตัว คือ การเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และปัญหาการเก็งกำไรของนักลงทุน โดยในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาแสดงความกังวลในเรื่องดังกล่าว จนทำให้สถาบันการเงินเริ่มเข้มงวดการพิจารณาปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ แม้ว่าดีมานด์ในตลาดจะยังมีอยู่มาก และลูกค้าจะมีกำลังซื้อดี แต่สถาบันการเงินมีการเข้มงวดด้านสินเชื่อมากขึ้น โดยปล่อยสิเชื่อให้ลูกค้าในวงเงิน 80-90% ของราคาเต็ม ทำให้ลูกค้าไม่สามารถซื้อห้องชุดได้

ส่วนในปี 62 คาดว่า แนวโน้มตลาดคอนโดน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เนื่องจากในปี 2562 จะมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งเข้ามาทำให้การตัดสินใจซื้อ และกำลังซื้อที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาซัปพลายล้นตลาดที่ยังมีอยู่ ทำให้ในปีหน้า LPN มีแผนปรับเพิ่มการลงทุนในโครงการแนวราบมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าในปี 2563 LPN จะมีสัดส่วนรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเป็น 10% ของรายได้รวม

“กลุ่มสินค้าแนวราบของบริษัทในตลาดพรีเมียมนั้น จะมีราคาขายที่ระดับ 15 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มบ้านในตลาดบน จะมีราคาขายระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนกลุ่มบ้านระดับกลาง จะมีราคาขายในระดับ 3-5 ล้านบาท”

ทั้งนี้ ในปี 2562 LPN จะมีการลงทุนพัฒนาและเปิดตัวโครงการใหม่ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 1 เท่าตัว โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้งบในการซื้อที่ดินสะสมรอการพัฒนาเข้ามาแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่าในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีถัดๆ ไป ประกอบกับที่ดินสะสมในมือลดลงไปจำนวนมากทำให้ต้องซื้อที่ดินสะสมเข้ามาเพิ่ม

นายโอภาส กล่าวว่า สำหรับในไตรมาส 4 ของปีนี้ LPN มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 6โครงการ แบ่งออกเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ รวมมูลค่า 5,000 ล้านบาทเศษ และโครงการบ้านแนวราบ 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท หรือมีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละ500ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการคอนโดนั้น จะเปิดตัวใน 3 ทำเล ประกอบด้วย ทำเลย่านงามวงศ์วาน สุขุมวิท ซึ่งจะยู่ในในย่านสุขุมวิท 62 และทำเลในย่านถนนนราธิวาศน์-รัชดา ส่วนโครงการแนวราบ 3 โครงการ ประกอบด้วย 1. บ้านเดี่ยวในทำเลย่านอ่อนนุช 44 โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป 2. ทำเลย่านพระราม 2-ท่าข้าม ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และ 3. โครงการทาวน์โฮม ในย่านสุขุมวิท 113 ซึ่งเดิมเป็นทำเลที่เตรียมไว้พัฒนาคอนโด แต่ปรับมาเป็นการพัฒนาโครงการประเภททาวน์โฮมระดับราคา 2-3 ล้านบาทแทน

“ในปี 2561 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายรวม (Presale) อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 14,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวมแล้วประมาณ 12,000 ล้านบาท มาจากโครงการคอนโดประมาณ 10,000 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบประมาณ 2,000 ล้านบาท”


กำลังโหลดความคิดเห็น