xs
xsm
sm
md
lg

AECS กังวลสงครามการค้า-เฟดขึ้นดอกเบี้ยให้กรอบดัชนี 1,730-1,770 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บล. เออีซี จับตาปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนบานปลาย หลังจีนปฎิเสธเจรจากับสหรัฐฯ และการเก็บภาษีรอบใหม่มีผลบังคับแล้ว และเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยรอบใหม่ในการประชุม 25-26 ก.ย.นี้ ในกรอบดัชนีแนวต้าน 1,770 จุด และแนวรับ 1,730 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน-นิคม-ธนาคาร-ค้าปลีก-ประกัน-อาหาร

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะปัญหาสงครามการค้าที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และยืดเยื้อ ล่าสุด รัฐบาลจีนยกเลิกการเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐฯ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เดินหน้าแผนเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าสินค้าที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของจีนที่ส่งไปสหรัฐฯ ซึ่งคาดจะเริ่มมีผลกระทบด้านราคาส่งผ่านมายังผู้ผลิตและผู้บริโภคของทั้ง 2 ประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ กดดันทิศทางเงินเฟ้อในการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยจะมีการประชุมเกิดขึ้นในวันที่ 25-26 ก.ย.นี้ ซึ่งจากข้อมูลของ Fed Fund Futures ได้สะท้อนถึง Implied Prob. ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้สูงถึง 97.9% แต่นักลงทุนยังรอติดตามมุมมองของเฟดที่มีต่อสงครามการค้าที่จะเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาก รวมถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเร่งตัว ซึ่งเริ่มสังเกตได้จาก Leading Indicator ของภาคการบริโภคและภาคการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ดีล Brexit ที่เกิดความล้มเหลว หลังจากนางเทรีซา เมย์ นายกฯ อังกฤษ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การเจรจาดังกล่าวประสบปัญหาชะงักงัน เนื่องจากนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานกลุ่ม EU ไม่รับข้อเสนอ Brexit ที่ต้องการให้อังกฤษสามารถทำการค้าแบบเสรีกับ EU ต่อได้ ทำให้อังกฤษอาจจะต้องถอนตัวจาก EU แบบไร้ข้อตกลง Hard Brexit ตามประชามติเดิม

ดังนั้น ประเมินว่า SET Index พักฐานในแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,770 จุด และแนวรับ 1,730 จุด และกลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มพลังงาน ชู PTG, BANPU, BCPG กลุ่มนิคม AMATA, WHA, ROJNA กลุ่มธนาคาร TMB, กลุ่มค้าปลีก ROBINS, CPALL, กลุ่มประกัน BLA, SMK, กลุ่มอาหาร M, TKN, HTC ส่วนทางเทคนิคสำหรับนักเก็งกำไรและนักลงทุน กรณีมีหุ้นอาจแบ่งขายทำกำไรแนวต้าน กรณีไม่มีหุ้น เน้นการซื้อเมื่อย่อตัวแนวรับ 1,745-1,730 จุด พร้อมตั้ง Stop Loss หากถอยหลุด 1,730 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น