ธนชาตเผยฟิทช์ เรทติ้ง ปรับขึ้นอันดับเครดิต “TBANK - TCAP” เป็น “AA-(tha)” และ “A+(tha)” ระบุจากความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร รวมถึงผลประกอบการที่เติบโต 14 ไตรมาสติดต่อกัน พร้อมเดินหน้าทำเพื่อลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) กล่าวว่า ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของ TBANK เป็น “AA-(tha)” จากเดิมที่ “A+(tha)” และยังเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (holding company) ของ TBANK เป็น “A+(tha)” จากเดิมที่ “A(tha)” และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นเป็น “F1+(tha)” จาก “F1(tha)” โดยทั้ง 2 บริษัทมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
นายสมเจตน์ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากผลประกอบการของธนาคาร และบริษัทย่อย เติบโตขึ้น 14 ไตรมาสติดต่อกัน ล่าสุด ไตรมาส 2 ปี 2561 มีกำไรสุทธิจำนวน 3,821 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.11% จากไตรมาสก่อน หรือเพิ่มขึ้น 14.71% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME การเติบโตของสินเชื่อดังกล่าวนำมาซึ่งการขยายตัวของฐานรายได้รวม ขณะเดียวกัน ธนาคารและบริษัทย่อยยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับตัวลดลง (Cost to Income Ratio อยู่ที่ 45.67%) และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองอยู่ในระดับต่ำ (Credit Cost อยู่ที่ 0.70%) ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง โดยธนาคาร และบริษัทย่อย มี NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำที่ 2.25% ในขณะที่เงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูงที่ 18.83% ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารธนชาต ดำเนินกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นธนาคารหลัก (Main Bank) ให้กับลูกค้า และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า อันดับเครดิตภายในประเทศของ TBANK มีปัจจัยสนับสนุนมาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง โดยการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ TBANK สะท้อนถึงโครงสร้างการเงินของธนาคารที่ได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างเครดิตของ TBANK เมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศที่มีอันดับเครดิตสูงกว่านั้น มีความแตกต่างน้อยลง
ทั้งนี้ TBANK เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ในประเทศไทยในด้านเงินฝาก และมีความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจภายในประเทศในระดับปานกลาง (a moderate franchise) ขณะที่ TBANK เป็นผู้นำในด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และยังได้รับการสนับสนุนทางด้านการดำเนินงาน การระดมทุน (funding) และการบริหารจัดการจาก Bank of Nova Scotia (หรือ BNS: AA-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดย BNS มีสัดส่วนการถือหุ้น 49% ใน TBANK