รัฐบาลเตรียมลงทุนติดตั้งเครื่องคิดเงิน POS ให้ร้านธงฟ้าขนาดเล็กอีก 3 พันแห่งเพื่อรองรับโครงการชดเชยภาษี VAT คนจน "อธิบดีกรมบัญชีกลาง" เผย เปิดรับสมัครร้านค้ารายเล็กเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงความพิเศษของมาตรการจ่ายเงินชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้แก่ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งถือบัตรสัวัสดิการแห่งรัฐเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า จะอยู่ที่การส่งเสริมการออมผ่าน กอช. แต่สำหรับผู้ถือบีตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ไม่ได้เป็นสมาชิก กอช. รัฐบาลจะมีวิธีรองรับว่าเงินสดที่ได้รับชดเชยภาษีนี้จะไม่หายไปไหนและจะยังคงตกอยู่ในระบบของการออม รวมทั้ง มาตรการดังกล่าวนี้ยังเป็นการตอบโจทย์ e-Payment เป็นครั้งสุดท้ายเนื่องการโดยหลักการใช้บัตรสวัดิการจะใช้ผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ECD) เพื่อลดการใช้เงินสด และสามารถใช้บัตรผ่านร้านธงฟ้าที่มีอยู่ราว 3.5 หมื่นร้าน รวมถึงร้านค้าเอกชนทั่วไปได้ด้วย ส่วนร้านธงฟ้าที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวนี้ได้จะต้องเป็นร้านค้าที่จดทะเบียนภาษี VAT เท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ร้านค้าอยู่ในระบบภาษี
นอกจากนี้ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ยังกล่าวถึงข้อมูลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิตามมาตรการแรกคือการการใช้บัตรที่เป็นกระเป๋าวงเงินซึ่งที่รัฐบาลจะกำหนดจ่ายเงินตามรายได้ต่อปีของผู้ถือบัตรฯ เพื่อให้ใช้ค่าเดินทาง และค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ ต.ค. 60-ส.ค. 61 ผู้ถือบ้ตรสวัสดิการฯ มีการใช้สิทธิ ไปแล้วจำนวน
128 ล้านครั้ง คิดเป็นวงเงินที่พุ่งสูงขึ้นถึง 38,185 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99% ของจำนวนเงินรวมจากการใช้สิทธิ
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมบัญชีกลาง ยังกล่าวว่า ในปัจจุบันร้านธงฟ้าที่ได้เข้าจดทะเบียนภาษี VAT เพียง 13% หรือราวกว่า 3,800 ร้านเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงแบ่งร้านธงฟ้านี้ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งจะกลุ่มร้านค้าเป้าหมาย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนั้นจะไม่ใช่ร้านค้าเป้าหมาย โดยร้านค้าเป้าหมายนั้นจะหมายถึงร้านค้าขนาดเล็กที่มีทุนน้อยซึ่งมีจำนวน 3,000 ร้าน แต่การจะบังคับให้ร้านค้าเหล่านี้ต้องติดตั้งอุปกรณ์รับชำระเงินก็อาจจะมีปัญหาได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงตกลงว่าจะเป็นผู้ลงทุนติดตั้งเครื่องคิดเงิน (POS) ให้เอง เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลเพื่อคืนภาษี VAT และอุปกรณ์พร้อมระบบงานที่ต้องยึดโยงกับธนาคารกรุงไทยและกรมบัญชีกลาง เพื่อให้สามารถทำการตรวจสอบยืนยันผลการคำนวณภาษีได้
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางจะนำรายชื่อร้านค้าขนาดเล็กทั้งหมดที่รับบัตรสวัสดิการฯ ได้ขึ้นเว็ปไซต์ของกรมบัญชีกลาง แต่หากชื่อร้านค้าใดไม่ได้ขึ้นรายชื่อบนเว็ป ร้านค้านั้นต้องดูแลตัวเอง เนื่องจากเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่สามารถดูแลตัวเองได้ หรือร้านค้าใดที่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ให้รีบไปจดมาเพื่อรายชื่อของตัวจะได้ขึ้นอยู่บนเว็ปไซต์ของกรมบัญชีกลาง โดยร้านค้าขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางสามารถขอสมัครได้ที่กรมบัญชีกลาง ส่วนร้านค้าที่อยู่ตามต่างจังหวัดให้ยื่นใบสมัครได้ที่สำนีกงานคลังจังหวัดทั่วประเทศได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และเมื่อรายชื่อร้านค้าที่ยื่นใบสมัครส่งมาถึงกรมบัญชีกลางแล้ว กรมบัญชีกลางจะให้ธนาคารกรุงไทยไปติดตั้งเครื่อง POS ให้แก่ร้านนั้นๆ ต่อไป อธิบดีกรมบัญชีกลาง ยังยังย้ำว่า ได้ขอเงินรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามโครงการในครั้งนี้ไว้แล้ว ส่วนรายการสินค้าที่จะนำมาคำนวณ VAT ได้นั้นต้องเริ่มต้นตั้งแต่ 1 พ.ย. 61 - 30 เม.ย 62 เท่านั้น
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษี VAT อัตรา 7% ที่รวมอยู่ในราคาสินค้าซึ่งผู้ถือบัตรต้องจ่ายด้วยนั้น รัฐบาลกำหนดให้คงเงินที่จ่ายเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไว้ 1% ก่อน แต่ส่วนที่เหลืออีก 6% จะนำมาจำแนกข้อมูลเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 คือ 5% เพื่อการใช้จ่าย โดยเงินในส่วนนี้จะโอนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์(e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากตรงกับวันหยุดจะเลื่อนเป็นวันทำการก่อนวันหยุด ส่วนที่ 2 คือ 1% จะเพื่อการออม ของวงเงินชดเชยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เงินชดเชยที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับทั้ง 2 ส่วน รวมกันแล้วไม่เกิน 500 บาทต่อคนต่อเดือน โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม 3-5 พันล้านบาทในช่วง 6 เดือน ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 61 กองทุนประชารัฐฯ จะมีเงินทั้งสิ้น 4.6 หมื่นล้านบาท และในปี 62 ยังจะมีเงินต่อเนื่องคอยอยู่แล้วอีก 4 หมื่นล้านบาท
สำหรับมาตรการส่งเสริมการออมผ่านมาตรการชดเชยภาษี VAT ในครั้งนี้ รัฐบาลจะโอนเข้าบัญชีของผู้มีรายได้น้อยที่ได้สมัครเป็นสมาชิก กอช. อยู่แล้วราว 1.3 แสนราย ส่วนผู้มีสิทธิที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการสมัครสมาชิก กอช. จะมีอยู่ราว 6 ล้านคนแต่ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกนั้น กอช. จะไปทำการณรงค์ให้สมัครเป็นสมาชิกได้ทันที เพื่อรองรับการโอนเงินเข้าบัญชีต่อไป ส่วนที่เหลืออีก 5 ล้านรายนั้นเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิก กอช. อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะหารือกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารระยะยาว โดยให้ธนาคารพิจารณาผลตอบแทนที่เหมาะสม รวมทั้ง ขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการรักษาบัญชีเงินฝาก 3-5 ปีต่อไปด้วย ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางจะจัดให้มีการประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารเพื่อหารือถึงการกำหนดรายละเอียดมาตรการออมระยะยาวดังกล่าวนี้ต่อไป