“สถาพร เอสเตท” หันรุกตลาดหสังหาฯ หลังชะลอเปิดโครงการใหม่มาเกือบ 20 ปี ประเดิมโครงการแรก “เดอะ เชดด์ สาทร 1” ราคาเริ่มต้น 3.65 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปี 61 กว่า 1,000 ล้านบาท ปี 62 วางแผนเปิด 3 โครงการ มูลค่า 5,700 ล้านบาท
นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทหันมาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ลงทุนเปิดโครงการใหม่มาตั้งแต่ปี 2539 โดยโครงการสุดทั้งที่พัฒนาคือ “บ้านสถาพร” ที่มีจำนวน 1,066 ยูนิต โดยก่อสร้างและส่งไปเกือบหมดแล้ว ปัจจุบันเหลือขายเพียง 6-7 ยูนิตเท่านั้น ทั้งนี้ การเข้ามารุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครั้งใหม่นี้ บริษัทมีแผนที่จะรักษารายได้ให้มีความสมดุล โดยจะต้องมีรายได้ทั้งจากการขายและรายได้จากค่าเช่า โดยมีมีสินค้าทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม อสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์ และจะต้องเป็นบ้านประหยัดพลังงาน โดยตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการใหม่อย่างน้อยปีละ 2-3 โครงการ นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร เพื่อรองรับการอยู่อาศัยที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของอนาคตที่ครอบคลุม
สำหรับโครงการแรกที่จะพัฒนา คือ โครงการ เดอะ เชดด์ สาทร 1 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 282 ยูนิต ราคา 130,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้น 3.69-7 ล้านบาท มูลค่า 1,300 ล้านบาท กำหนดเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนจองสิทธิมากกว่า 2,000 ราย ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้
นายสุนทร กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2562 มีแผนเปิดโครงการใหม่รวม 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 5,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 2 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ เดอะ เชดด์ ทวิกก์ เย็นอากาศ ซอย 2 พื้นที่ 440 ตารางวา ซื้อมาในราคาประมาณ 400,000 บาทต่อตารางวา (ตร.ว.) มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ โลว์ไรส์ 1 อาคาร ราคาประมาณ 120,000-130,000 บาทต่อตารางเมตร จำนวน 100 กว่ายูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท
โครงการ เดอะ คราวน์ พระราม 4 ย่านบ่อนไก่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ซื้อที่ดินมาในราคา 1 ล้านบาทต่อตร.ว. มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์“เดอะ คราวน์” พระราม 4 (The Crown) ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะพัฒนาสูงเกิน หรือต่ำกว่า 20 ชั้น โดยจะขายในราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป จำนวนประมาณกว่า 200 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,600 ล้านบาท
และโครงการ ดิ อิเธอร์นิตี้ รังสิตคลอง 5 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว บนพื้นที่กว่า 99 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท โดยแบ่งพื้นที่ 74 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวราคา 5-10 ล้านบาท จำนวนกว่า 300 ยูนิต และที่เหลืออีก 25 ไร่ มีแผนจะพัฒนาเป็นคอมมูนิตีมอลล์
นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบในการซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ปีละประมาณ 500-600 ล้านบาท ตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่มีมูลค่าต่อปีที่ประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาท และตั้งเป้าเริ่มรับรู้รายได้ต่อปีที่ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปี โดยในต้นปี 2563 จะเริ่มรับรู้รายได้ที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่า ภายใน 5 ปี (2561-2565) จะสามารถสร้างยอดขายสะสมรวมได้อยู่ที่ระดับ 11,500 ล้านบาท