สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินมาตรการทางแพ่ง ประกาศปรับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนออกมาเป็นชุด ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา สั่งลงโทษปรับกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM ในข้อหาใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น เอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป
การใช้ข้อมูลภายในเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 โดยนางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชีของบริษัท ในขณะนั้นรู้ว่า ผลประกอบการ PERM ไตรมาสที่ 1 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 235.70 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 198.16 ล้านบาท จึงเข้าไปซื้อหุ้นจำนวน 19.33 ล้านหุ้น ผ่านบัญชีซื้อขายหุ้นบุตร 3 คน
ประกอบด้วยนางสาวณัฐพร นางสาวลลิลพร และนายเพิ่มศิลป์ ยงวงศ์ไพบูลย์ ซึ่งถือเป็นความผิดในการใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น โดยบุตรทั้ง 3 คนเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือการกระทำความผิด
คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ พิจารณาลงโทษปรับนางชไมพรจำนวน 13.97 ล้านบาท และส่งคืนผลประโยชน์ที่พึงได้รับอีก 11.17 ล้านบาท ส่วนนางสาวณัฐพรและนางสาวลลิลพร ปรับรายละ 6.6 แสนบาท นายเพิ่มสินปรับ 3.3 แสนบาท และห้ามนางชไมพร เป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 3 ปี นางสาวณัฐพรและนางสาวลลิลพร คนละ 6 เดือน และนายเพิ่มศิลป์ 3 เดือน
กลุ่มยงวงศ์ไพบูลย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน PERM โดยนางชไมพร ถือหุ้นจำนวน 34,819,200 หุ้นหรือ 6.96 % ของทุนจดทะเบียน
PERM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2548 ดำเนินธุรกิจแปรรูปและจำหน่าย เหล็กรีดร้อนและรีดเย็น ผลประกอบการลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่สองปีก่อนหน้ามีกำไรสุทธิต่อเนื่อง และ 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 72.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.13 ล้านบาท
ราคาหุ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ปิดที่ 2.34 บาท/หุ้น โดยมี ค่าพี/อี เรโช ที่ 6.73 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.42 % ถือว่าปัจจัยพื้นฐานใช้ได้
แต่การที่ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เข้ามาหาเศษหาเลยกับส่วนต่างราคาหุ้น โดยใช้ข้อมูลภายใน ย่องเข้ามาเก็บหุ้น ก่อนที่จะมีข่าวดีเรื่องผลประกอบการที่เติบโต ทำให้หุ้น PERM ถูกลดความน่าสนใจ
เพราะพฤติกรรมอินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ ไม่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล และหาโอกาสเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป โดยไม่รู้ว่า นอกเหนือจากการใช้อินไซด์ซื้อขายหุ้นแล้ว ยังมีพฤติกรรมอื่นที่เอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปและผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกหรือไม่
ใครอยากจะไปเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือ โดยเฉพาะเจ้ามือที่จ้องเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป ในเมื่อหุ้นบริษัทจดทะเบียนมีเกือบ 800 บริษัท ทำไมจะต้องเล่นหุ้นที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส
ทำไมจะต้องไปเสี่ยงกับหุ้นที่เจ้ามือเห็นแก่ได้ เห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับฐานะตัวเอง
กลุ่มยงวงศ์ไพบูลย์ถือหุ้น PERM สัดส่วนรวมกันประมาณ 45 % ของทุนจดทะเบียน และถือเป็นกลุ่มที่มีฐานะร่ำรวยอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนกระทำความผิด เพื่อหาเศษหาเลยกับส่วนต่างราคาหุ้น ซึ่งไม่เพียงเสี่ยงต่อการถูกลงโทษเท่านั้น แต่ยังทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และทำลายความเชื่อมั่นการลงทุนในหุ้น PERM อีกด้วย
เป็นผู้บริหารและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียน ชีวิตถือว่าสบายอยู่แล้ว ทำไมต้องดิ้นรนโกงนักลงทุนอีก ไม่คุ้มจริง ๆ
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )