ผู้ว่าฯ ธปท. มองสงครามการค้ากระทบไทยจะชัดเจนปลายปีนี้ถึงต้นปี 62 โดยยังต้องติดตามมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ๆ ที่จะประกาศออกมา ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการลงทุนภาคเอกชนชะลอลง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินสกุลหลัก
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว กระจายตัวมากขึ้น ทั้งการบริโภค การจ้างงาน และการขยายตัวของสินเชื่อ แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยง คือ มาตรการกีดกันทางการค้า และการตอบโต้ระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยชัดเจนปลายปีนี้ถึงต้นปี 2562 โดยยังต้องติดตามมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ๆ ที่จะประกาศออกมา ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการลงทุนภาคเอกชนชะลอลง เพื่อรอความชัดเจนในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินสกุลหลัก รวมทั้งผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตต่อการท่องเที่ยวของไทยที่ผลกระทบมากกว่าที่คาด ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ความสำคัญ และติดตามใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานการณ์
นอกจากนี้ ธปท. จับตาสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพราะธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยวงเงินสูง เมื่อเทียบกับราคาบ้าน และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ที่มีอยู่จำกัด ทำให้เห็นสัญญาณความเสี่ยง และหนี้เสียสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ หรือ NPL ขยับขึ้น ซึ่ง ธปท. กำชับธนาคารพาณิชย์ให้เพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อ ขณะที่อุปทานส่วนเกินของที่อยู่อาศัยยังมีอยู่สูง และการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งซื้อเพื่อลงทุน และการปล่อยเช่า ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามที่ผู้ลงทุนคาดหมายไว้