xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพาณิชย์มองหุ้นไทยยังน่าลงทุน คงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ 1,800 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ไทยพาณิชย์ มองหุ้นไทยยังน่าลงทุน คงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ 1,800 จุด ชี้เงินต่างชาติยังไหลเข้า มองตลาดหุ้นไทยปลอดภัยสูงสุด

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ระดับ 1,800 จุด แม้ว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงประมาณร้อยละ 10 เนื่องจากเงินทุนไหลออกกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมาก แต่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นละตินอเมริกา และยุโรปตะวันออก ที่ลดลงถึงร้อยละ 30

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเริ่มกลับมามีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยจีดีพีไตรมาส 2/2561 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 4.6 ซึ่งเป็นอัตราที่น่าพอใจ เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นตลาดหุ้นที่ความปลอดภัยสูงสุด (Safe Haven) โดยกลุ่มที่น่าลงทุน คือ ธนาคารพาณิชย์ อุปโภคบริโภค ซึ่งได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี

“ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุน เพราะเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูง เงินเฟ้อต่ำ ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดหุ้นที่ปลอดภัยสูงสุด (Safe Haven) ของนักลงทุนต่างชาติ เชื่อว่าเงินทุนไหลออกไปจะกลับมาลงทุนในหุ้นไทยใหม่ เพราะราคาหุ้นปรับลดลงมามาก” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ตลอดปีนี้ เพราะเงินเฟ้อไทยยังต่ำไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนกับอินโดนีเซีย ตุรกี ดังนั้น คาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจึงไม่น่ามีผลต่อบริษัทจดทะเบียนมากนัก แต่ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอลง มาตรการภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะกับจีน และอาจขยายวงกว้างไปสู่ประเทศคู่ค้าอื่นๆ เช่น ยุโรป

ส่วนผลกระทบจากวิกฤตค่าเงินตุรกีนั้น มองว่าจะอยู่ในวงจำกัดไม่น่าจะกระทบต่อประเทศไทย เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศตุรกี มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ของจีดีพีโลก ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ในตุรกีจะค่อยๆ ดีขึ้น

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า วางเป้าหมายให้ความสำคัญต่อลูกค้าเป็นลำดับแรก โดยต้องการเป็น บลจ. ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด วางเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 400,000 ราย เป็น 1.5 ล้านราย ภายใน 3 ปี โดยร้อยละ 70- 80 มาจากช่องทางดิจิทัล


กำลังโหลดความคิดเห็น