xs
xsm
sm
md
lg

“จอมทรัพย์” เฮลั่น! ก.ล.ต.ไฟเขียวเกณฑ์กองทุน IFF จ่อยื่นไฟลิ่งเร็วๆ นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SUPER
“จอมทรัพย์ โลจายะ” เฮลั่น! หลัง ก.ล.ต.ไฟเขียวเกณฑ์กองทุนอินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ (IFF) คาดเตรียมจ่อยื่นไฟลิ่งเร็วๆ นี้ วางเป้ารายได้ปี 2561 โตก้าวกระโดด หลังประกาศเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศ ต่างประเทศ แจงงบไตรมาส 2/2561 รายได้ 1,439,720 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 342.044 ล้านบาท

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SUPER เปิดเผยว่า การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) นั้น ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติและประกาศการแก้ไขกฎเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2561 โดยมีผลในวันที่ 1 กันยายน 2561 ซึ่งคาดว่า SUPER จะสามารถยื่นไฟลิ่งในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้ภายในเร็วๆ นี้ โดยมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยในเบื้องต้น บริษัทฯ มีแผนให้โซลาร์ฟาร์มขนาด 118 เมกะวัตต์ ซึ่ง SUPER ถือหุ้นประมาณ 10-15% ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระหนี้ และรองรับการขยายงานในอนาคต

“การจัดตั้งกองทุน IFF ที่ผ่านมา เราทำงานกับทุกส่วนที่กี่ยวข้องทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษากฎหมาย และบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม โดยปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติและประกาศการแก้ไขเกณฑ์เรื่องการจัดตั้งกองทุนแล้ว ดังนั้น ตามกระบวนการน่าจะยื่นไฟลิ่งในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน” จอมทรัพย์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,439,720 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 342.044 ล้านบาท โดยไตรมาสดังกล่าวบริษัทฯ มีรายได้หลักมาจากโซลาร์ฟาร์ม ขณะเดียวกัน ยังเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนจากโครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว เข้ามาช่วยสนับสนุนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/2561 จะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าขยะเข้ามาเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ และยังถือว่าจากนี้ SUPER จะมีรายได้พลังงานทดแทนด้านขยะ นอกเหนือจากโซลาร์เซลล์อย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm อีกจำนวน 30 เมกะวัตต์ ซึ่งตามแผนงานที่วางไว้จะทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 /ของปี 2561 พร้อมจ่ายไฟฟ้าได้ทันทีที่ติดตั้งเสร็จ ซึ่งจะใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 4-5 เดือน ส่วนการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ยังเดินหน้าศึกษารายละเอียดในการขยายการลงทุนทั้งในรูปแบบลงทุนเอง และร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศ

ทั้งนี้ เป้าหมายรายได้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อน ส่วนปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วราว 802.1 เมกะวัตต์ (MW) โดย COD แล้ว 749.60 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 3 แห่ง กำลังผลิตรวมราว 30 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะ COD ได้ในปี 2562-2563 โซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ ระยะที่ 2 ราว 28 เมกะวัตต์ COD ในปี 2561 การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm จำนวน 32 เมกะวัตต์ COD ในปี 2564 ขณะที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม อีก 700 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด และรูปแบบการลงทุน และรูปแบบการพัฒนา โดยจะทยอย COD ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ปลายปลายปี 2562 เป็นต้นไป


กำลังโหลดความคิดเห็น