xs
xsm
sm
md
lg

(รับชมคลิป) YEZCOIN หวังรัฐฯไฟเขียวเสรีเทรด Crypto เดินหน้าขันอาสาขายระบบเก็บข้อมูลดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


YEZCOIN บุกตลาดดิจิทัลโทเคนไทย ชูธงขายนวัตกรรมจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบบล็อกเชน หวังช่วยแก้ปัญหาฟอกเงิน และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ วอนรัฐเปิดช่องเสรี Cryptocurrency



นายมงคล ธิติธรรมศักดิ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YEZCOIN จำกัด ซึ่งจดทะเบียนและก่อตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะออกระดมทุนดิจิทัลโทเคน ในชื่อ YEZCOIN มูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ โดยจะเริ่มเปิดให้ประชาชนผู้สนใจจองซื้อเหรียญ YEZCION ในรอบแรกเดือนกันยายนนี้ จำนวน 200 ล้านโทเคน และจะเปิดให้จองซื้อเหรียญในรอบที่ 2 เดือนตุลาคม อีกจำนวน 400 ล้านโทเคน จากจำนวนทั้ง หมด 1,000 ล้านโทเคน

อย่างไรก็ดี การซื้อขายเหรียญ YEZCION จะอ้างอิงพื้นฐานจาก Cryptocurrency ใน 3 สกุลหลักคือ Bitcoin (BTC) ,Ethereum (ETH) และ NEOCOIN (NEO) เป็นหลัก


อย่างไรก็ดีจุดประสงส์ของการระดมทุนจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐในครั้งนี้ บริษัท ฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โดยแบ่งเป็น 2 แพลตฟอร์ม คือ Coin Asset และ Coin Exchange

โดยในด้านการของ Coin Asset นั้นบริษัทได้มีการวางระบบการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในโครงข่ายบล็อกเชน เพื่อให้เป็นไปตามกฏข้อบังคับของหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลทั้งรูปแบบ Know Your Costomer หรือ KYC และ Anti Money Laundering หรือ AML เพื่อระบุที่มาที่ไปของเส้นทางการเงิน เพื่อป้องกันการฟอกเงิน ตามมาตรการความปลอดภัยด้านดิจิทัลไซเบอร์ โดยพัฒนามาจากระบบการยืนยันอัตลักษณ์ตัวบุคคลของผู้ลี้ภัย และเหยื่อการค้ามนุษย์ทั่วโลก รวมแล้วกว่า 2 ล้านคนผ่านระบบ Fingerprint โดยได้มีการต่อยอดพัฒนาเป็น hybrid private key เพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น

"บริษัทวางแผนที่จะทำระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล (money laundering digital wallet ) เพื่อแจ้งเตือนและป้องกัน anti-scam extention ผ่านระบบบล็อกเชน ซึ่งใช้ยืนยันตัวตนให้เป็นมาตรฐานเดียวกันที่ยอมรับและใช้งานกันทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถนำฐานข้อมูลของลูกค้าที่บันทึกอยู่ในระบบบล็อกเชน เพื่อขายต่อให้กับหน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชน ที่มีความสนใจซื้อ โดยเจ้าของข้อมูลจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทฯจะมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากค่าบริการในการขายข้อมูลของลูกค้า ที่จะถูกคิดคำนวนเป็นเปอร์เซ็นของข้อมูลที่ขายในแต่ละราย"

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจ Coin Exchange บริษัทได้มีการพัฒนาโปรแกรมร่วมกับ Google Chrome ในการวางแผนที่จะเปิดให้บริการซื้อขายเหรียญในอนาคต โดยเชื่อมโยงกับกระดานซื้อขายเหรียญต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการยื่นขอใบอนุญาตออกเหรียญดิจิทัลจากหน่วยงานที่กำกับดูแลในสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้

"ประเทศไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคเอเซียที่เรามองว่ามีความน่าสนใจ ซึ่งเราได้เตรียมที่จะเข้าพบกับทาง ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อนำเสนอรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลบนโครงข่ายบล็อกเชน เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล และเพิ่มความสะดวกในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ และการฟอกเงิน "


กำลังโหลดความคิดเห็น