น่าเห็นใจ ภารกิจของผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เพราะต้องพิจารณาอนุมัติปล่อยสินเชื่อแล้ว ยังต้องคอยติดตามทำหน้าที่ เป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกค้าเงินกู้ด้วย ล่าสุดกำลังเป็นพี่เลี้ยงให้ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรายใหญ่
ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารที่ปล่อยกู้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง โดยปล่อยกู้รายละนับหมื่น ๆ ล้านบาท หรือหลายหมื่นล้านบาท ลูกค้าหลายรายมีปัญหา เช่น บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI หรือแม้แต่ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อเสริมฐานะทางการเงิน และประสานงานหากลุ่มทุนมาซื้อทรัพย์สิน เพื่อลดภาระหนี้
ส่วน WEH ซึ่งปล่อยกู้ในโครงการผลิตไฟฟ้าวงเงินรวมทั้งสิ้น 3.5 หมื่นล้านบาท มีข่าวว่า ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ติดต่อ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้ามาซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่
เพื่อแก้ปมความขัดแย้งในการชำระค่าหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม และผู้ถือหุ้นใหญ่ปัจจุบัน รวมทั้งภาระหนี้กับธนาคารด้วย
ลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์หลายรายมีปัญหา จนผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ต้องออกแรงช่วย บางรายก็อุ้มไม่ไหว เช่น บริษัท สหวิริยาสตีล ฯ บางรายก็เกือบร่อแร่ เช่น เพช ดีเวลลอปเมนท์ ฯ หรือบางรายส่ออาการไม่ดี เช่น วินด์ เอนเนอร์ยี่ ฯ จนเคยมีข่าวว่า จะมีการตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งนี้
WEH วางแผนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาหลายปีแล้ว แต่ต้องมีอันเป็นไป ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ ที่ถือหุ้นในราคาต้นทุนต่ำ ผิดหวังไปตาม ๆ กัน
เพราะถ้าดัน WEH เข้าตลาดหุ้นได้เมื่อไหร่ นักลงทุนรายใหญ่ ในคราบกลุ่มบุคคลสาขาอาชีพต่าง ๆ รวมทั้งอดีตข้าราชการระดับ หรือนักการเมือง จะร่ำรวยกันเป็นแถว
อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ได้หลบหนีคดีมาตรการ 112 ออกนอกประเทศ ส่วนผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ปัจจุบัน นายณพ ณรงค์เดช ถูกฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ และหุ้น WEH ก็ถูกสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอน
โดยปัญหาภายในบริษัทแห่งนี้ยังยุ่งวุ่นวาย ไม่รู้ใครโกงใคร คดีฟ้องร้องมีมากมาย และไม่น่าจะเข้าตลาดหุ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
ถ้าเข้ามาระดมเงินจากกระเป๋านักลงทุนไม่ได้ ธนาคารไทยพาณิชย์อาจต้องรับเคราะห์อีก เพราะสินเชื่อจำนวน3.5 หมื่นล้านบาทที่ปล่อยให้ WEH อาจเกิดปัญหา และหากต้องตั้งสำรองหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ เอ็นพีแอล จะกระทบต่อผลประกอบการของธนาคาร
ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ จึงต้องลงมาทำหน้าที่พี่เลี้ยง หาคนเข้ามาอุ้ม WEH โดยเจรจาทาบทามให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ GULF เข้ามาซื้อหุ้นวินด์ จากมือผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งกลุ่มนายนพพรและนายณพ
เพราะถ้าปล่อยให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายนพพรและนายณพ ดำเนินต่อไป คดีคาราคาซัง ปัญหาความขัดแย้งภายในไม่ได้รับการแก้ไข ก็ไม่เห็นโอกาสว่า WEH จะเข้าตลาดหุ้นได้เมื่อไหร่
และนายประเดช กิตติอิสรานนท์ นักลงทุนรายใหญ่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ WEH ซึ่งมักให้ข่าวว่า WEH จะได้เข้าตลาดเมื่อนั่นเมื่อโน่น คงกระวนกระวายต่อไป
แต่ถึงแม้ว่า การเจรจาดึง GULF เข้ามาซื้อ WEH จะประสบความสำเร็จ แต่การนำหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ คงยังต้องใช้เวลาอยู่ดี ปีนี้ไม่ทันอยู่ แต่ปีหน้าก็ไม่แน่
เพราะสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ ตลท. น่าจะต้องรู้เหมือนที่นักลงทุนทั่วไปรู้
หุ้น WEH ไม่ธรรมดา มีนักลงทุนขาใหญ่รอนับวันที่จะขายหุ้นทำกำไรอยู่ มีเป้าหมายที่จะระดมเงินจากตลาดหุ้น เพื่อสะสางหนี้ธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ แตกต่างจากบริษัทโดยทั่วไป ซึ่งเมื่อมีผลประกอบการที่ดี มีกำไรแล้ว จึงนำหุ้นมาระดมทุน เพื่อนำเงินไปขยายการลงทุน
แต่ WEH จะเข้ามาระดมทุน เพื่อหอบเงินไปใช้หนี้ และนักลงทุนขาใหญ่หลายราย เตรียมที่จะขายหุ้นเมื่อผลักดันเข้าจดทะเบียนได้สำเร็จ
ดังนั้น การพิจารณาหุ้น WEH ต้องกลั่นกรองอย่างรอบคอบ ปมต่าง ๆ ต้องถูกชำระล้างอย่างใสสะอาด โครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิมต้องตีแผ่อย่างละเอียด เพื่อให้นักลงทุนประเมินได้ว่า
ควรจะเล่นกับหุ้น WEH หรือไม่ ควรจะเสี่ยงกับบรรดานักลงทุนขาใหญ่ในหุ้นตัวนี้หรือเปล่า
อีกนานกว่า WEH จะยื่นเรื่องเข้าตลาดหุ้นได้ แต่สะกิดเตือน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไว้ล่วงหน้าก็ดีเหมือนกัน ตอกย้ำให้รู้ว่า หุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดา จะอนุมัติปล่อยผ่าน ต้องระวัง
อย่าให้นักลงทุนต้องรับเคราะห์จาก WEH
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )
