“เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” มองกรอบหุ้นไทยเดือนสิงหาคมแกว่งบวก 1,750-1,780 จุด เหตุปัจจัยลบเริ่มผ่อนคลายลงและเริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว ชี้หุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลในอัตราสูง จะมีความน่าสนใจต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวในบทวิเคราะห์การลงทุน โดยประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคม ว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากตลาดเผชิญกับปัจจัยกดดันต่างๆ ทั้งประเด็น Trade War, การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ, สภาพคล่องส่วนเกินที่ลดลง, กระแสเงินทุนไหลออก รวมถึงความผันผวนของค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม หลายๆ ประเด็นเริ่มผ่อนคลายลง คาดจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อการลงทุนเร่งตัวขึ้นได้ เช่นเดียวกับบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ที่ในช่วงที่ผ่านมา ที่ผลการดำเนินงานอาจเผชิญกับปัจจัยลบมากมาย แต่หากเริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว อาจเป็นโอกาสดีในการเลือกสรรหุ้นดังกล่าว เพื่อการลงทุนได้ โดยแนะสะสม 4 หุ้นเด่น ที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก และกำไรจะเร่งตัวขึ้นเด่นชัดในช่วงครึ่งหลังของปี อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลในระดับที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดการลงทุนมากยิ่งขึ้น แนะนำ 4 หุ้นเด่น ได้แก่ SCC, BCP, KBANK, SYNEX
นอกจากนี้ การที่หลายปัจจัยกดดันเริ่มผ่อนคลายลงส่งผลให้ดัชนี SET Index เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา โดยมีแรงหนุนจากปัจจัยกดดันต่างๆ ภายนอกในช่วงที่ผ่านมาเริ่มผ่อนคลายลง ผสานกับปัจจัยบวกภายในประเทศจากการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งพบว่า 10 ธนาคาร มีกำไรสุทธิรวมกว่า 53,351 ล้านบาท ดีกว่าคาดที่ 47,496 ล้านบาท (ดีกว่าคาดถึง 12.3%) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนดัชนีแกว่งตัวขึ้นเด่น และเป็นส่วนช่วยเพิ่มจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่ม Real Sector ที่เตรียมประกาศผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือ
“ในช่วงครึ่งปีแรกหลายบริษัทจดทะเบียนเผชิญปัจจัยกดดันหลายประเด็น ส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งปีแรกของบางบริษัทอาจยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดมีหลายบริษัทที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว จะเริ่มมีพัฒนาการเชิงบวกในช่วงครึ่งหลังของปี ดังนั้นประเมิน SET ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น โดยลุ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,750-1,780 จุด โดย 4 หุ้นเด่น ที่น่าสนใจ ได้แก่ SCC, BCP, KBANK, SYNEX”
ขณะเดียวกัน หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2561 ไปแล้ว (กลางเดือนสิงหาคม) จะเริ่มเข้าสู่ช่วงการทยอยจ่ายปันผลระหว่างกาล ดังนั้น หุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลในอัตราสูง จะมีความน่าสนใจต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตลาดเกิดการปรับฐาน อัตราปันผลที่สูงจะเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาหุ้นได้