รายงานผลตรวจสอบของ บริษัท มาชาร์ส จำกัด สำนักงานตรวจสอบบัญชีในสิงคโปร์ ซึ่งบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ว่าจ้างเข้ามาตรวจสอบพิเศษ เงินให้กู้ยืมจำนวน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ GL ปล่อยให้ลูกค้าในเกาะไซปรัสและสิงคโปร์มีความน่าสนใจมาก
เพราะผลการตรวจสอบของสำนักงานตรวจสอบบัญชีในสิงคโปร์แห่งนี้ ขัดแย้งกับผลการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.อย่างสิ้นเชิง
มาชาร์สระบุในรายงานการตรวจสอบพิเศษ ซึ่งแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า การตรวจสอบสถานะเงินจำนวน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ GL ให้กู้ยืมกับลูกค้ากลุ่มเกาะไซปรัสและกลุ่มสิงคโปร์ รวมทั้งการตรวจสอบประวัติผู้กู้นั้น
ไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า เงินให้กู้ยืมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่พบหลักฐานว่า ผู้กู้เป็นบริษัทในกลุ่มของ GL โดยไม่ถูกควบคุมหรือครอบงำจาก GL
ผลการตรวจสอบพิเศษของบริษัท มาร์ชาร์ส เป็นการรับประกันว่า เงินกู้จำนวน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ GL ปล่อยกู้ให้ลูกค้า 4 กลุ่มบนเกาะไซปรัสกับอีก 1 กลุ่มในสิงคโปร์นั้น เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ใช่การสร้างพฤติกรรมอำพราง ซึ่งเป็นผลสอบที่ตรวจกันข้ามกับผลสอบของ ก.ล.ต. จนนำไปสู่การกล่าวโทษอดีตผู้บริหารบริษัท ฯ
ก.ล.ต.ประกาศกล่าวโทษ นายมิทซึจิ โคโนชิตะ อดีตประธานกรรมการ GL เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ในความผิด ทุจริต เบียดบังทรัพย์สินของบริษัท ฯ และจัดทำบัญชีงบการเงินไม่ถูกต้อง โดยทำธุรกรรมอำพรางผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศหลายแห่ง
หลักฐานในความผิดคือ การให้บริษัทในเครือ GL ปล่อยกู้บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไซปรัส 4 แห่งและสิงคโปร์ 1 แห่ง รวมเป็นเงินกู้ประมาณ 54 ล้านดอลลาร์
ซึ่งนายมิทซึจิเป็นผู้ควบคุม และรับผลประโยชน์ที่แท้จริง
โดยเมื่อผู้กู้ทั้ง 5 รายชำระดอกเบี้ยและเงินต้นคืน ให้บริษัทในเครือ ดอกเบี้ยจะถูกนำไปรวมเป็นรายได้ในงบการเงิน GL เป็นการแต่งบัญชีและสร้างผลประกอบการให้สูงเกินจริง
นอกจากกล่าวโทษในความผิดทุจริตและยักยอกแล้ว ก.ล.ต. ยังส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พิจารณาตรวจสอบความผิดของนายมิทซึจิต่อ
การปล่อยกู้ให้ลูกค้าเกาะไซปรัสและสิงคโปร์ ซึ่งเข้าข่ายการสร้างธุรกรรมอำพราง โดย ก.ล.ต.เกาะไซปรัสประสานร่วมมือกับ ก.ล.ต. ไทยในด้านข้อมูลธุรกรรมการปล่อยกู้ จนนำไปสู่การกล่าวโทษกับนายมิทซึจินั้น ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น GL อย่างรุนแรง
ราคาหุ้นที่เคยขยับเหนือ 60 บาทในต้นปี 2560 รูดลงอย่างหนัก จนต่ำสุดที่ 4.94 บาท แต่หลังจากการแจ้งรายงานผลการตรวจสอบของมาชาร์ส ราคาหุ้น GL กลับสู่ความคึกคักทันที โดยวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาขยับขึ้นชนเพดาน 30 % และวันที่ 2 สิงหาคมยังร้อนแรงต่อเนื่อง ก่อนจะปิดที่ 7.40 บาท รวม 2 วันทำการปรับตัวขึ้นกว่า 40 %
ก.ล.ต.เป็นผู้สั่งให้ฝ่ายบริหาร GL ตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ เกี่ยวกับการปล่อยกู้วงเงิน 54 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งงบการเงิน ปี 2559 และปี 2560 ซึ่ง GL ได้รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบพิเศษแล้ว แต่ผลที่ออกมา หักล้างผลการตรวจสอบของ ก.ล.ต.
มาชาร์สอ้างว่า ไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า การปล่อยกู้ของ GL ในไซปรัสและสิงคโปร์ไม่สุจริต และ ก.ล.ต.ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใส การสร้างธุรกรรมอำพราง จนนำไปสู่การกล่าวโทษผู้บริหารบริษัทฯ
ยังไม่มีคำชี้แจงใด ๆ จาก ก.ล.ต. แต่จะปล่อยให้นักลงทุน ต้องใช้วิจารณญาณกันเองว่า ควรจะเชื่อผลการตรวจสอบของใครดี ระหว่างสำนักงานตรวจสอบบัญชีในสิงคโปร์หรือ ก.ล.ต. คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
แม้จะต้องให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือ ก.ล.ต. มากกว่าก็ตาม แต่จะมีความรู้สึกคาใจนักลงทุนว่า
ทำไมสำนักงานตรวจสอบบัญชีสิงคโปร์ จึงมีผลการตรวจสอบที่ตรงกันข้าม และบั่นทอนความน่าเชื่อถือ หน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนของประเทศไทย
ผลการตรวจสอบของ “มาชาร์ส” เป็นการฟอกตัวนายมิทซึจิ ลบล้างความผิดทั้งหมด ก.ล.ต. ยอมรับได้หรือ และจะไม่ออกมาชี้แจงให้นักลงทุนที่กำลังไขว้เขว ไม่รู้จะเชื่อใครบ้างหรือ
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )
