ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในเช้าวันนี้ ตามดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังแอปเปิลทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐฯ และของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งความคึกคักของหุ้นเทคโนโลยีได้ช่วยบดบังความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิดวันนี้ที่ 22,585.54 จุด เพิ่มขึ้น 73.01 จุด, +0.32% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เปิดที่ 2,278.33 จุด เพิ่มขึ้น 8.13 จุด, +0.36% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เปิดที่ 10,957.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.53 จุด, +0.25% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เปิดที่ 27,751.60 จุด เพิ่มขึ้น 37.04 จุด, +0.13% ขณะที่ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เปิดวันนี้ที่ 2,763.40 จุด ลดลง 4.62 จุด, -0.17%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เปิดที่ 1,782.74 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด, +0.26% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เปิดที่ 3,300.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด, +0.43% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เปิดวันนี้ที่ 7,763.49 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด, +0.05% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เปิดที่ 6,014.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.08 จุด, +0.05%
การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นแอปเปิลเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq เนื่องจากหุ้นแอปเปิลได้ถูกนำไปคำนวณทั้ง 3 ดัชนีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ไม่สามารถรักษาช่วงบวกเอาไว้ได้และปิดลบเล็กน้อย เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์วานนี้ ขู่ตอบโต้สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“จีนเตรียมพร้อม และจะตอบโต้เพื่อรักษาเกียรติภูมิของชาติ, ผลประโยชน์ของประชาชน และปกป้องการค้าเสรี, การซื้อขายแบบพหุภาคี รวมทั้งผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา จีนได้เสนอแนะให้มีการแก้ไขความขัดแย้งโดยผ่านทางการเจรจาหารือ แต่อยู่บนเงื่อนไขที่ว่า เราต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน และให้เกียรติต่อคำพูดของเรา” แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากเดิมในอัตรา 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยครอบคลุมสินค้า จำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐฯ และจีน ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจา เพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ย.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ (3 ส.ค.) โดยผลการสำรวจระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 213,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย. และนักวิเคราะห์ยังคาดว่า อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.9%
ในเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือน มิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 213,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%