ธปท. ชี้เศรษฐกิจไทย ไตรมาส 2 ปี 61 โตดีกว่าไตรมาสแรกที่โต 4.8% จากการส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน พร้อมเผยตัวเลขเดือน มิ.ย. ส่งออกโต 10%-นำเข้าโต12.9% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.38% พร้อมจับตาผลกระทบเรือล่ม ก่อนรายงานให้ กนง. ทราบ 8 ส.ค. นี้
นางสาวพรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการ สำนักวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ขยายตัวดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ที่เติบโต 4.8% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดี โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวขึ้นตามการใช้จ่ายในทุกเกือบหมวดสินค้า ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตาม ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน
“ไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาสแรกที่โต 4.8% เพราะส่งออก-ท่องเที่ยวโดดเด่นมาก แต่ยังบอกเป็นตัวเลขไม่ได้ เพราะต้องรอตัวเลขจากสภาพัฒน์อย่างเป็นทางการ” นางสาวพรเพ็ญ กล่าว
สำหรับเศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขยายตัวดีจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ โดยการส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวดี ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกเกือบหมวดสินค้า ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสอดคล่องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวจากหมวดเครื่องจักร และอุปกรณ์ สำหรับการส่งออกสินค้าในเดือนยมิถุนายนที่ผ่านมา มีมูลค่า 21,755 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 10% ขณะที่ไตรมาส 2 มีมูลค่า 63,014 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเติบโต 12.3% ขณะที่การนำเข้าในเดือนมิถุนายน มีมูลค่า 18,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเติบโต 12.9% ด้านไตรมาส 2 มีมูลค่า 57,210 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเติบโต 16.8%
ขณะที่ดุลการค้าในเดือนมิถุนายน เกินดุล 2,875 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านไตรมาส 2 เกินดุล 5,804 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 4,808 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านไตรมาส 2 เกินดุล 6,506 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.38% ด้านไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.31% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.83% ด้านไตรมาส 2 อยู่ที่ 0.76%
ด้านดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์ และหนี้สิน โดยด้านสินทรัพย์เป็นการไหลออกสุทธิ จากการนำเงินออกไปฝากยังต่างประเทศของทั้งสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน หรือ ODC เพื่อปรับฐานเงินตราต่างประเทศ และกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม มองว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ เงินทุนเคลื่อนย้ายยังคงเป็นไหลออก แต่เริ่มลดลง สะท้อนจากค่าเงินบาทที่เริ่มปรับในทิศทางแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย
นางสาวพรเพ็ญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านสถานการณ์ท่องเที่ยว ยอมรับว่ามีแนวโน้มลดลงบ้าง จากสถานการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน มักจะมีความอ่อนไหวในเรื่องของความปลอดภัยค่อนข้างมาก โดย ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบต่อไป ก่อนที่จะรายงานให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. รับทราบในการประชุม กนง. วันที่ 8 สิงหาคมนี้