เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 120 ล้านหุ้น และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ตามแผนภายในปี 2561 หลังสำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว นำเงินระดมทุนชำระคืนเงินกู้-ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่ บล. เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจนักลงทุนตอบรับดี ชูจุดเด่นคู่ค้าสำคัญเป็นรายใหญ่ในตลาดโลก
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว
บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวนไม่น้อยกว่า 115 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.38 ของจำนวนที่เสนอขาย และจำนวนไม่เกิน 5 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่กรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ โดยแต่งตั้ง บล. เออีซี จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนไม่เกิน 210 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร พร้อมทั้งมีการวิจัยและพัฒนาคุณภาพของอุปกรณ์การเกษตรด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิ BOI จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนโดยบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตใบผาล, ใบจักร, ใบคัดท้าย, โครงผาล, ใบดันดิน, ใบเกลียวลำเลียง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า “Pegasus” ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทฯ เอง นอกจากนี้ ยังให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับตราสินค้าอื่นๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด อาทิ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตนั้น ต้องได้มาตรฐานการผลิตตามที่บริษัทคูโบต้า ได้กำหนดไว้อย่างเข้มงวดภายใต้ตราสินค้า “ตราช้าง”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท อัดเลอร์เทค จำกัด (อัดเลอร์เทค) ร้อยละ 99.80 โดยเป็นการซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยการเพิ่มความหลากหลายของตราสินค้าให้ผลิตภัณฑ์หลัก (Fighting Brand) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้แก่บริษัท ทั้งนี้ อัดเลอร์เทค ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการเกษตรประเภท ใบผาล ภายใต้ตรา “ม้าบิน” อีกทั้งอัดเลอร์เทคยังมีการจำหน่ายใบเกลียว และใบดันดินอีกด้วย
นายเอกพันธ์ กล่าวว่า เงินระดมทุนครั้งนี้จะใช้สำหรับชำระหนี้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าอัตราร้อยละ 45 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักภาษี และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น (ถ้ามี) โดยจะพิจารณาเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก กลุ่มผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท คือ กลุ่มวนโกสุม ถือหุ้นรวมกัน 300 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 100 ภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอ จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นรวมกัน 301.5 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 71.79
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมในปี 2558 ปี 2559 และปี 2560 เท่ากับจำนวน 263.23 ล้านบาท จำนวน 275.59 ล้านบาท และจำนวน 260.48 ล้านบาท โดยในปี 2560 บริษัทฯ มียอดขายลดลงจำนวน 15.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.48 ของรายได้รวมปี 2559 ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทโครงผาล ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาด้านคุณภาพของวัตถุดิบของคู่ค้ารายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณายอดขายในส่วนของผลิตภัณฑ์ประเภท ใบผาล ใบดันดิน จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้อื่น ซึ่งประกอบด้วย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยรับเป็นจำนวน 0.94 ล้านบาท จำนวน 0.11 ล้านบาท และจำนวน 1.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.36 ร้อยละ 0.04 และร้อยละ 0.71 ของรายได้รวมตามลำดับ
สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 และ 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมียอดขายเพิ่มขึ้นจำนวน 29.98 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 55.20 ของรายได้รวม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทใบผาล โดยเป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งด้านปัจจัยจากสภาพภูมิอากาศ และปริมาณน้ำ ที่พบว่าปริมาณน้ำที่ใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญมีเพียงพอต่อการเพาะปลูก อีกทั้งสภาพอากาศในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเอื้ออำนวยต่อการผลิต ทำให้การคาดคะเนสภาวะเศรษฐกิจการเกษตรเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มการสั่งซื้อเพื่อเตรียมผลิต
ในส่วนของกำไรสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2558 ปี 2559 และปี 2560 เท่ากับจำนวน 27.80 ล้านบาท จำนวน 35.78 ล้านบาท และจำนวน 20.83 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 10.65 ร้อยละ 13.04 และร้อยละ 8.12 ตามลำดับ สำหรับปี 2560 การปรับตัวลดลงของอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้เทียบกับปี 2559 มียอดเท่ากับจำนวน 20.83 ล้านบาท มีสาเหตุสำคัญจากการลดลงของรายได้จากสภาวะอากาศที่แปรปรวน และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารที่บริษัทฯ มีการลงทุนในเครื่องจักรและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 และ 2561 กำไรขั้นต้น (ไม่รวมรายได้อื่น) มียอดเพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวน 8.81 ล้านบาท มีสาเหตุสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทั้งใบผาล โครงชุดผาลรถไถ และใบดันดิน ที่ได้รับปัจจัยหนุนของสภาพภูมิอากาศ และปริมาณน้ำ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น
ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลต่อนักวิเคราะห์ และนักลงทุนต่างๆ ที่สนใจ ซึ่งเป็นไปตามแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในปี 2561
“จุดเด่นของ เค. ดับบลิว. เม็ททัลฯ คือ การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ซึ่งมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และการมีคู่ค้ารายสำคัญเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตร ทั้งนี้ มองว่าโอกาสในการเติบโตของ เค. ดับบลิว. เม็ททัล ยังมีอีกมากสอดคล้องกับกับการเติบโตของภาคเกษตรของประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นรากฐานสำคัญของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเป็นสินค้าวัตถุดิบตั้งต้นของอุตสาหกรรมหลากหลาย ขณะเดียวกัน การผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าการระดมทุนในครั้งนี้ช่วยต่อยอดธุรกิจของ KWM” นายชนะชัย กล่าว