xs
xsm
sm
md
lg

(รับชมคลิป) บล. กสิกรไทย ชี้ปัญหาทัวร์จีนกระทบระยะสั้น คงเป้า SET Index ปลายปี 1,898 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
บล. กสิกรไทย คงเป้า SET Index ปลายปี 1,898 จุด ชี้สงครามการค้าสหรัฐฯ จีน กระทบหนักต่อกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมปลายน้ำของไทย เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับจีน ชี้ปัญหานักท่องเที่ยวจีนกระทบไทยระยะสั้นเท่านั้น



นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง มีทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ยังแข็งแกร่งทั้งด้านการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนในนโยบายภาครัฐ-เอกชน ตลอดจนถึงถึงกำลังซื้อที่กลับฟื้นขึ้นมาในภาคเกษตรกรรมทั่วทั้งภูมิภาค เนื่องจากไม่มีปัญหาด้านสภาพอากาศที่เป็นปัญหาต่อผลผลิตในฤดูกาลเข้ามากระทบ ขณะที่เศรษฐกิจนอกภาคเกษตรกรรมก็มีการทยอยปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มเข้าเกณฑ์การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้ปรับประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย หรือ GDP จากเดิมที่คาดไว้ 4.0% เพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ขณะที่ในส่วนปีหน้ายังคงไว้ระดับเดิมที่ 4.2%

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงถึงประมาณช่วงเดือน พ.ย. 2561 ที่ระดับ 32.5-33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

“ปัจจัยสำคัญที่เข้ามากดดันเศรษฐกิจยังเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ จีน โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีรอบ 2 มูลค่าราว 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อาจกระทบหนักต่อกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมปลายน้ำของไทย เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับจีน ซึ่งหากจีนได้รับผลกระทบ ไทยก็จะได้รับลูกหลงนี้โดยตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยประเมินว่าจะอยู่ที่ 0.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ซึ่งมีการส่งออกไปจีนมากสุด”

ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า จากปัจจัยบวกด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ทำให้ยังคงเป้าหมายดัชนี SET Index ปลายปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,898 จุด โดยปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ การเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นชัดเจนภายในช่วงเดือน ก.พ. 2562 อย่างเร็วสุด หรืออย่างช้าไม่เกินเดือน พ.ค. 2562

ขณะที่ปัญหานักท่องเที่ยวจีนที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตที่จังหวัดภูเก็ต คาดจะส่งผลกระทบต่อการภาพการท่องเที่ยวในระยะสั้นเท่านั้น โดยจะต้องจับตาดูการแก้ปัญหาด้านนอมินีในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของรัฐบาลไทยอย่างชัดเจนต่อไปในอนาคต

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่อาจจะเห็นสัญญาณชะลงตัวที่รุนแรง หรือโดนโจมตีด้านค่าเงิน และสงครามการค้าไม่ปานปลายจนเต็มรูปแบบ ขณะที่สถานการณ์เงินทุนต่างชาติเชื่อว่าจะเริ่มไหลกลับเข้าตลาดเกิดใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง เช่น สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย ยังน่าสนใจ และมูลค่าปรับตัวลง

ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ BBL, KTB กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มอสังหา LH, AP, SPALI, QH กลุ่มบริโภค และค้าปลีก CPALL, CPN, BEAUTY และหุ้นที่ได้ประโยชนืจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ KCE, HANA และหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลก ได้แก่ IVL

“จากการจับตาดูแรงขายของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มปรับตัวการขายน้อยลง เป็นซื้อสุทธิกลับเข้ามาทำให้ภาพของดัชนีจะค่อยปรับตัวๆ ดีขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทาง บล. กสิกรไทย ก็ได้ประเมินแนวรับสำคัญไว้อยู่ที่บริเวณ P/E ประมาณ 13-14.3 เท่า ที่ระดับ 1,577-1,610 จุด ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี โดยปัจจุบันขึ้นมาที่ 1,630 กว่าจุด ซึ่งคาดหวังว่าช่วงที่เหลือของปีจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นและขึ้นไปทดสอบ 1,898 จุดได้”

อย่างไรก็ตาม ต้องมาด้วยปัจจัยหลัก 3 ข้อ คือ การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ไม่เห็นการชะลอตัวอย่างรุนแรง และสุดท้าย คือ สงครามการค้าไม่เกิดขึ้น แต่หากทั้ง 3 ข้อไม่เกิดขึ้น ก็จะลดลงจากประมาณการของเรา 300 จุด ซึ่งประเมินว่าจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)


กำลังโหลดความคิดเห็น