xs
xsm
sm
md
lg

สิ้นสุดขาลงเมื่อฝรั่งหยุดขาย / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นปรับฐาน เดินเข้าสู่ช่วงขาลงเต็มตัวมาประมาณ 5 เดือนแล้ว และยังไม่อาจคาดหมายว่า การปรับฐานใหญ่รอบนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด เพราะปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนยังไม่นิ่ง



ภาวะหมีเข้าครอบงำตลาดหุ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ ที่เคยขยับขึ้นไปปิดสูงสุดที่ระดับ 1,833 จุด ทรุดลงต่อเนื่อง จนต่ำสุดที่ระดับประมาณ 1,590 จุด หรือลดลงไปประมาณ 240 จุดภายในเวลา 5 เดือน

ความมั่งคั่งของตลาดหุ้น โดยคำนวณจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป ลดฮวบลงประมาณ 2 ล้านล้านบาท

นักลงทุนที่เก็บเกี่ยวกำไรจากตลาดหุ้น นับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2560 ถูกเรียกคืนกำไรกลับกันถ้วนหน้า และจำนวนไม่น้อยที่ถูกกินทุนเดิม

ชนวนของการถล่มขายหุ้น เริ่มต้นจากความกังวลในแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ ตามด้วยผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา

แต่ปัจจัยที่ฉุดให้ราคาหุ้นดำดิ่งอย่างเป็นรูปธรรมคือ การกระหน่ำขายของนักลงทุนต่างชาติ และกระหน่ำขายอย่างไม่ลืมหูลืมตา

แม้นักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนรายย่อย จะเข้าไปซื้อ แต่ไม่อาจต้านทานแรงขายของต่างชาติได้ ดัชนี ฯ จึงกลิ้งลงจากดอย ทรุดลงมากองกับพื้น

ยอดขายหุ้นสะสมสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ นับจากต้นปี จนสิ้นสุดวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 193,148.87 ล้านบาท และเป็นปริมาณการขายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

บรรดากูรูหุ้นออกมาสารภาพว่า การจัดทำบทวิจัยหรือบทวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นในช่วงนี้ หาความแน่นอนได้ยาก โดยเฉพาะการประเมินแนวโน้มหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็ก เพราะภาวการณ์ลงทุนมีความผันผวนสูง

ทุกคนเฝ้าจับตาผลกระทบจากสงครามการค้าจีนกับสหรัฐ รอดูทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์ เพราะถ้าปัจจัยกระทบทั้งสองด้านยังไม่สงบ ตัวแปรที่บั่นทอนความเชื่อมั่นจะดำรงต่อไป

จนตลาดหุ้นไม่มีโอกาสปรับตัวสู่รอบขาขึ้น แม้จะกระเตื้องขึ้นบ้างในบางช่วง แต่ก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ระยะสั้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่กดให้ดัชนี ฯ รูดลงมาจนหลุดระดับ 1,600 จุด ที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมคือ การขายของต่างชาติ โดยทยอยขายมาตั้งแต่ต้นปี ก่อนสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะอุบัติขึ้น

เหตุผลของการขาย เกิดจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็ง ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนครั้งใหญ่ ไม่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ตลาดหุ้นเกิดใหม่ในย่านเอเชียถูกต่างชาติเทขาย ถอนทุนกลับเหมือนกัน

เพียงแต่อัตราการทรุดตัวของตลาดหุ้นไทย อาจสูงกว่าค่าเฉลี่ยการปรับตัวของตลาดหุ้นย่านเอเชีย เพราะก่อนหน้าดัชนี ฯ ปรับตัวขึ้นร้อนแรงกว่า

ผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐและสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ยังเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญของตลาดหุ้น แต่ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ มีน้ำหนักความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน

เพราะถ้าต่างชาติหยุดขาย ตลาดหุ้นพร้อมจะตั้งหลักใหม่ได้ทันที โดยแทบไม่ต้องเฝ้ารอประเมินผลกระทบจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หรือสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐแต่อย่างใด

ปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตาดูคือ การซื้อขายของต่างชาติ เมื่อไหร่ที่แรงขายแผ่วลง และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวของตลาดหุ้น เปลี่ยนจากขาลงสู่ช่วงขาขึ้น

เฝ้าดูท่าทีนักลงทุนต่างชาติไว้ดี ๆ เพราะจะช่วยให้ทำกำไรได้งาม ๆ ในรอบต่อไป

(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )

(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )


กำลังโหลดความคิดเห็น