กูรูตลาดหุ้นไทยเชื่อเกิดตลาดหมีในหุ้นไทยเป็นไปได้ยาก ขณะที่ปัจจัยสงครามการค้าเชื่อ 1-2 ปี จะมีผลกระทบกับไทยไม่มาก
เวทีเสวนา “จะลงทุนอย่างไรในตลาด Bear Market” จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2561 ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นสูงสุดประมาณ 1,830 จุด และขาลงต่ำสุด 1,590 จุด หรือลดลงประมาณร้อยละ 13-14 โดยอัตราดังกล่าวถือ่วาตลาดหุ้นไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะตลาดหุ้นขาลง หรือตลาดหมี ปกติภาวะดังกล่าวจะต้องลดลงของดัชนีมากกว่าร้อยละ 20
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจขณะนี้ จะเป็นไปยากที่ตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ตลาดหมี หรือหากจะเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นแค่หมีตัวเล็กๆ โดยปัจจัยบวกที่เชื่อว่าจะขับเคลือนเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องของดัชนีเศรษฐกิจด้านต่างๆ ทั้งการบริโภคภายในประเทศ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน การส่งออกยังเป็นปัจจัยบวกที่เกื้อหนุนภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนปัจจัยสงครามการค้า เชื่อว่าแม้จะส่งผลกระทบให้จีดีพีไทยลดลงบ้าง แต่เชื่อว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้า จะไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากนัก ท้ายที่สุด เชื่อว่าทั้งสหรัฐฯ และจีน จะหาทางออกด้วยการเจรจา
ขณะที่นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือปีนี้ จะมีทั้งปัจจัยสงครามการค้า อัตราดอกเบี้ย และที่สำคัญความชัดเจนเรื่องโรดแมปที่เดินสู่การเลือกตั้ง ต้องจับตาว่ายังจะเป็นไปตามกำหนดเดิมหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ ในเวทีเสวนามีคำแนะนำสำหรับการลงทุนตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระบุว่า หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้า และบริโภค ในประเทศยังมีอัตราการเติบโตที่ดีที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้