นอร์ทอีส รับเบอร์ ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) กล่าวว่า ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวน ของ บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ โดยยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนการเสนอขาย 38.96% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด โดยจะยื่นเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 770 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น และมีทุนที่ออก และเรียกชำระแล้ว 470 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 940 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER กล่าวว่า ทางที่ปรึกษาทางการเงิน ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อ สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) โดย บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน (Ribbed Smoked Sheet : RSS) ยางแท่ง (Standard Thai Rubber: STR) และยางคอมปาวด์ (Mixtures Rubber) เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมไปถึงกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ด้านนายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงความพร้อม และการเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท ช่วยพัฒนาให้บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายการขยายการดำเนินธุรกิจ รวมถึงสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว