บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น ราคาหุ้นวิ่งชนซิลลิ่ง ปิด 0.81 บาท เพิ่มขึ้น 28.57% หลังเจอแรงเจอถล่มอย่างหนักจนราคารูดจาก 1.50 บาท เหลือเพียง 0.63 บาท นักวิเคราะห์แนะจับตาการจัดตั้งกองทุน IFF หากไม่ประสบผลสำเร็จอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและความสามารถการชำระหนี้
วันนี้ (2 ก.ค.) ราคาหลักทรัพย์บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ได้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยเปิดการซื้อขายที่ 0.65 บาท ราคาต่ำสุดที่ 0.64 บาท ก่อนที่ช่วงท้ายตลาดราคาปรับตัวแตะเพดานสูงสุด (ซิลลิ่ง) และปิดที่ 0.81 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.18 บาท หรือ 28.57% มูลค่าการซื้อขาย 970.48 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยผันผวนตลอดทั้งวัน เพื่อทดสอบแนวต้านที่ 1,600 จุด ทำจุดต่ำสุดที่ 1,86.34 จุด สูงสุดที่ 1,607.41 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,607.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.69 จุด หรือ 0.73% มูลค่าการซื้อขาย 48,303.47 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า ราคาหุ้นบมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น ปรับตัวแรงในช่วงท้ายตลาด เพราะมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาจำนวนมาก หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากกรณีที่ผู้บริหารเตรียมแผนจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund : IFF) ภายในเดือนก.ค.นี้ ก่อนจะเข้าซื้อขายในเดือนพ.ย. 61
ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องติดตามความคืบหน้าการจัดตั้ง IFF อย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะมีผลต่อสภาพคล่องและการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจาก SUPER มีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่มีกระแสเงินที่สามารถใช้ได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา SUPER ได้เจอมรสุมอย่างหนัก หลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาจำนวนมาก ท่ามกลางกระแสข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ ต้องเปิดแถลงปฏิเสธการขายหุ้น แต่กลับซื้อบิ๊กล็อตจากผู้ถือหุ้นใหญ่อีก 1 ราย ในสัดส่วน 9.2% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 19.96% หากรวมกับครอบครัวทั้งหมดแล้วสัดส่วนการถือหุ้นรวม 40.28%