ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง ได้เจรจาเชิงขอร้อง ขอซื้อหุ้นจากนักลงทุนขาใหญ่ชื่อดัง ที่ถือหุ้นของบริษัทจำนวนหลายเปอร์เซ็นต์ เพื่อแลกกับการที่กองทุนรวมบางแห่งจะเข้ามาถือหุ้นในบริษัท
เพราะถ้านักลงทุนขาใหญ่รายนี้ ยังถือหุ้นอยู่ กองทุนรวมจะไม่เข้าร่วมลงทุนด้วย ไม่มีคำอธิบายว่า เหตุใดกองทุนรวมจึงรังเกียจนักลงทุนขาใหญ่รายนี้ จนไม่ยอมรับสังฆกรรมด้วย แม้จะถือหุ้นในบริษัทเดียวกันก็ตาม
กองทุนรวมอาจไม่สบายใจนัก ถ้าจะลงทุนร่วมกับนักลงทุนขาใหญ่ ที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ จึงตั้งเงื่อนไขกับบริษัทจดทะเบียน ถ้าบริษัทจดทะเบียนใดมีนักลงทุนขาใหญ่ถือหุ้น ในสัดส่วนที่มีนัยยะสำคัญในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ จะไม่มีชื่อกองทุนรวมถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนนั้น ไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยชื่อนักลงทุนขาใหญ่ ที่ถูกกองทุนรวมบางแห่งขึ้นบัญชีดำ เพราะหมิ่นเหม่ต่อการฟ้องร้องทางกฎหมาย
แต่ข้อมูลที่พอจะบอกได้คือ นักลงทุนขาใหญ่รายนี้ คลุกคลีในตลาดหุ้นมากกว่า 20 ปี ถือหุ้นในหลายบริษัท มีเครือข่ายหรือก๊วนขาใหญ่ ที่มักเข้าไปถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนแห่งเดียวกัน แต่ไม่ใช่เพื่อการลงทุนระยะยาว แต่ถือเพื่อรอจังหวะขายทำกำไร และนักลงทุนขาใหญ่กลุ่มนี้ มีพฤติกรรมหมุนเวียนเข้าออกในหุ้นหลายตัว
แม้ไม่ใช่นักลงทุนขาใหญ่ที่ตั้งแก๊งปั่นหุ้น แต่เป็นกลุ่มขาใหญ่ที่มัก ปรากฎชื่อในหุ้นที่มีเจ้ามือ หรือหุ้นที่มักมีการสร้างข่าวกระตุ้นราคา
บริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ชักชวนให้นักลงทุนขาใหญ่กลุ่มนี้เข้าไปถือหุ้น ในรูปการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนวงจำกัดหรือนักลงทุนเฉพาะเจาะจง และหลายกรณีย่องเข้าไปเก็บหุ้นที่อยู่ในสภาพตายซาก โดยผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิมเทขายหุ้นทิ้งไปแล้ว
เมื่อเก็บหุ้นจนมีสัดส่วนเป็นถือหุ้นใหญ่ จะสร้างนวนิยาย ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ วาดภาพแนวโน้มการดำเนินงานสดใส แต่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น จะชิงจังหวะขายหุ้นทำกำไร และวนเวียนก่อพฤติกรรมปั้นหุ้นให้ดูเหมือนจะฟื้นกลับมาดี แต่เมื่อราคาหุ้นดีดตัวขึ้น จะทยอยขายทำกำไร ตีหัวเข้าบ้านมาแล้วนับสิบบริษัท
กองทุนรวมอาจติดตามนักลงทุนขาใหญ่ประเภทนี้มานานแล้ว รู้พฤติกรรมดี และไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จนอาจกำหนดเป็นเงื่อนไขการลงทุนไว้
บริษัทจดทะเบียนแห่งใด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทดีขนาดไหน อนาคตการดำเนินงานสดใสเพียงใดก็ตาม แต่ถ้ามีนักลงทุนขาใหญ่ร่วมถือหุ้นด้วย กองทุนรวมจะหลีกเลี่ยงลงทุนในบริษัทจดทะเบียนนั้น
บริษัทจดทะเบียนทั่วไป จะให้ความสำคัญกับการถือหุ้นของกองทุนรวม เพราะการที่กองทุนเข้ามาซื้อหุ้น สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทจดทะเบียนได้รับความไว้วางใจ หรือมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดี กองทุนรวมจึงเข้ามาร่วมลงทุน
กองทุนรวมเหมือนกับตราประทับ รับประกันคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน การขึ้นบัญชีดำนักลงทุนขาใหญ่ที่มีพฤติกรรมไม่ดี ทุกคนคิดว่า จะมีเพียงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น ใครจะคิดว่า กองทุนรวมบางแห่งจะมีระบบขึ้นบัญชีดำนักลงทุนขาใหญ่เหมือนกัน
ต้องปรบมือให้สำหรับหลักการที่ดีของกองทุนรวม ต้องชมเชยสำหรับการแสดงจุดยืนต่อต้านนักลงทุนขาใหญ่ที่มีพฤติกรรมไม่น่าคบหาสมาคมด้วย
เพราะถ้าคนในแวดวงตลาดหุ้น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันสอดส่องและต่อต้านนักลงทุนขาใหญ่ที่หิวกระหายในผลประโยชน์ จ้องแต่กอบโกยความมั่งคั่ง ไม่คำนึงถึงศีลธรรม นักลงทุนขาใหญ่คงไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนได้
บริษัทจดทะเบียนที่ชอบดึงนักลงทุนขาใหญ่มาร่วมถือหุ้น ต้องการดึงนักลงทุนขาใหญ่มาสร้างจุดขาย หรือช่วยกระตุ้นราคาหุ้นก็ตาม ขอเตือนไว้ ระวังจะถูกต่อต้าน
ระวังจะไม่มีกองทุนรวมใดร่วมสังฆกรรมด้วย กลายเป็นหุ้นที่ไม่อยู่ในสายตาของนักลงทุนมืออาชีพ แต่จะเป็น แหล่งสิงสถิตย์ของขาใหญ่ที่จ้องเขมือบนักลงทุนรายย่อย
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )
