แบงก์ชาติ ปรับปรุงหลักเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงิน หวังยกระดับธรรมาภิบาลและบริหารความเสี่ยง เพื่อรองรับและสอดคล้องกับเทคโนโลยีด้านการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำสถาบันการเงินไทยยังแข็งแกร่ง ไม่พบสัญญาณส่อเค้าวิกฤต
นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน เพื่อรองรับภายใต้สภาพแวดล้อมทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการให้บริการทางการเงินมากขึ้น โดยแนวนโยบายครั้งนี้ประกอบด้วยการยกระดับธรรมาภิบาลของสถาบันการเงิน และดูแลให้สถาบันการเงินมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี หลักเกณฑ์ด้านธรรมาภิบาลของสถาบันการเงินมีสาระสำคัญ คือ ให้สถาบันการเงินมีโครงสร้างคณะกรรมการที่ดี และมีคุณสมบัติที่เหมาะสม และใช้กลไกตลาดตรวจสอบการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ดังนี้
1. ยกระดับคุณสมบัติและความเหมาะสมของกรรมการและผู้บริหารระดับสูง กำหนดวาระ
การดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ เพื่อให้มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง เพิ่มเงื่อนไขการตรวจสอบคุณสมบัติกรรมการ และกระบวนการทบทวนคุณสมบัติกรรมการผู้จัดการอย่างสม่ำเสมอ และมีกรรมการที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างน้อย 1 คน เพื่อให้เท่าทันความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี
2. ดูแลโครงสร้างการกำกับดูแลความเสี่ยงและธรรมาภิบาล เพื่อให้คณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กรได้เหมาะสม โดยให้สถาบันการเงินมี คณะกรรมการกำกับความเสี่ยงเป็นกลไกถ่วงดุล และสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการดูแลความเสี่ยง
3. ปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลด้านธรรมาภิบาลในรายงานประจำปี ให้สถาบันการเงินเปิดเผยข้อมูลธรรมาภิบาลต่อสาธารณชน เพื่อให้มีกลไกตลาดช่วยในการกำกับดูแล
ส่วนด้านการยกระดับการจัดการและบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงินให้เข้มแข็ง และครบทุกมิตินั้น นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า เพื่อยกระดับการจัดการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน ธปท. ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนล่วงหน้ารองรับการจัดการดูแลแก้ไขปัญหา (recovery plan) ซึ่งเตรียมล่วงหน้าในภาวะปกติ เพื่อให้สถาบันการเงินมีแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเงินด้วยตนเอง เป็นการยกระดับการบริหารความเสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์ มีอยู่แล้วให้ครอบคลุม และครบทุกมิติ ซึ่งเป็นเครื่องมือให้ธนาคารพาณิชย์สามารถรับมือหากประสบปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์
แนวทางนี้เป็นการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติมจากแผนฉุกเฉินรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีแนวทางที่ชัดเจนในการจัดทำแผน สอดคล้องกับแนวทางสากล เพื่อให้สามารถจัดการด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสที่จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ และเป็นการยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลของประเทศไทย เพื่อพร้อมรับการประเมินภาคการเงิน (Financial Sector Assessment Program: FSAP) ในไตรมาส 4 ปี 2561 ด้วย