สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสฟังนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ผ่านรายการวิทยุที่นำเสนอข่าวการลงทุน ทั้งที่หุ้นตัวนี้มีประวัติร้าย เป็นหุ้นร้อน และผู้บริหารบริษัทถึง 2 รุ่น ถูกกล่าวโทษในความผิดการใช้ข้อมลภายในเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป จนถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน
นักวิเคราะห์รายนี้ คลุกคลีในตลาดหุ้นมายาวนานหลายสิบปี จนปัจจุบันก้าว ขยับขึ้นมาเป็นผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง
โดยมักจะนิยมแนะนำหุ้นเก็งกำไร อาศัยปัจจัยทางเทคนิคในการชี้นำราคา มีหุ้นทีเด็ดมาให้นักลงทุนเล่นเป็นรายวัน
การแนะนำหุ้นแต่ละครั้ง หมิ่นเหม่ต่อการชี้นำ โดยหุ้นที่แนะนำผ่านรายการวิทยุ เพิ่งเปลี่ยนชื่อใหม่ ราคาเคลื่อนไหวอยู่ไม่กี่บาท ส่วนผลดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ขาดทุนต่อเนื่อง แม้ไตรมาสแรกปีนี้ก็ยังขาดทุนอยู่ เพียงแต่ผู้บริหารบริษัท เพิ่งประกาศขยายการลงทุนในโครงการใหม่ วาดฝันแนวโน้มผลประกอบการอย่างสวยหรู ซึ่งไม่รู้ว่า จะทำได้ตามราคาคุยหรือไม่
แต่นักวิเคราะห์อาวุโสที่มีรูปแบบการเชียร์หุ้นแบบทะลุดุดัน กลับนำโครงการลงทุนใหม่ ซึ่งมีแต่ความคาดหมายในรายได้ ยกเป็นปัจจัยเชียร์ให้นักลงทุนเก็บหุ้นตัวนี้ พร้อม รับประกันว่า ไม่ใช่หุ้นปั่น แต่เป็นหุ้นที่ผลประกอบการกำลังฟื้นตัว
และเป็นการหลับหูหลับตาเชียร์ โดยไม่ให้ความสำคัญกับประวัติหุ้นตัวนี้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้นักลงทุนมาตลอด
ไม่พูดถึงพฤติกรรมของผู้ถือหุ้นใหญ่และอดีตผู้บริหารบริษัท ซึ่งเป็นนักลงทุนขาใหญ่ และอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวขอวงหุ้นหลายบริษัท
นอกจากนั้น ยังถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ ในความผิดการใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น แต่ยินยอมจ่ายค่าปรับ และถูกห้ามเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน จนต้องพ้นจากการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ถือหุ้นใหญ่อยู่
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่นักวิเคราะห์รายนี้เชียร์ไว้ ไม่ได้มีความคึกคักแต่อย่างใด ราคาซึม ๆ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง และกลายเป็นหุ้นที่เชียร์ไม่ขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนอาจรู้พฤติกรรมตัวหุ้นดี และไม่ให้ราคา ไม่ให้ความเชื่อถือคำแนะนำของนักวิเคราะห์ จึงไม่หลวมตัวตาม แห่เข้าไปซื้อหุ้น
นักวิเคราะห์ที่ดี ไม่มีนอกมีใน ไม่ใช่มือปืนรับจ้างมาเชียร์หุ้น จะต้องให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ต้องพิจารณาพฤติกรรมของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ใครประวัติไม่ดี ใครเคยกระทำความผิด ใครจ้องเอารัดเอาเปรียบนักลงทุน จะต้องพยายามเตือนสตินักลงทุนให้หลีกเลี่ยงการลงทุน ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชียร์ ไม่ใช่นำเอาราคาคุยของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนมาขยายผล และชี้นำการลงทุน โดยไม่คำนึงถึงความ เสียหายของนักลงทุน
นักวิเคราะห์หุ้นบางคน กอบโกยผลประโยชน์มานับสิบปี จนร่ำรวยเป็นพัน ๆ ล้านบาท จากอาชีพเสริม เป็นมือปืนรับจ้างนักลงทุนขาใหญ่ หรือเจ้าของหุ้น เชียร์หุ้นอย่างหูดับตับไหม้ มีเวทีที่ไหนเดินสายเชียร์ที่นั่น
ทั้งใช้นามปากเขียนคอลัมน์เชียร์อย่างโจ๋งครึ่ม ทั้งออกรายการทีวีหรือวิทยุเชียร์กระหน่ำ แถมซื้อหุ้นเก็บตุนไว้ก่อน และเชียร์ให้นักลงทุนแห่ซื้อตามอีก
ส่วน นักวิเคราะห์ที่จ้อผ่านรายการวิทยุ เชียร์หุ้นเน่า ๆ รายนี้ วนเวียนอยู่ในคราบนักวิเคราะห์หุ้นมาหลายสิบปี แต่พฤติกรรมไม่ เคยเปลี่ยน มักจะมีหุ้นร้อนมานำเสนอให้นักลงทุนเข้าไปเล่นแทบจะรายวัน และตลอดอาชีพการเป็นนักวิเคราะห์ ไม่รู้ว่า พานักลงทุนไปตาย แล้วกี่หมื่นกี่แสนคน
ก.ล.ต.มีหน้าที่กำกับดูแลนักวิเคราะห์ น่าจะสอดส่องนักวิเคราะห์หุ้นแต่ละคน ติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายชี้นำการลงทุน โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุน เพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนต้องตกเป็นเหยื่อของนักเชียร์หุ้น ซึ่งปัจจุบันจ้ออยู่หน้าจอมากมาย แม้ไม่มีใบอนุญาตการเป็นผู้ให้คำแนะนำการลงทุนก็ตาม
นักเชียร์หุ้นในคราบนักวิเคราะห์ เป็น “ภัยมืด” ของนักลงทุนมายาวนานและ ก.ล.ต. ควรสะสางอย่างจริงจังเสียที
อย่าปล่อยให้นักวิเคราะห์ขี้โม้พานักลงทุนไปพบกับหายนะอีกเลย
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )