xs
xsm
sm
md
lg

การตอบโต้ทางการค้าของนานาชาติต่อสหรัฐฯ ผลักดันราคาทองคำปรับเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศพันธมิตร กลายเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกายังแข็งแกร่ง กดดันราคาทองคำปรับตัวได้ไม่มาก คาดโดยรวมราคาทยอยปรับตัวขึ้นแบบไซด์เวย์

“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ภาพรวมราคาทองคำที่ผ่านมาเป็นลักษณะแกว่งตัวแคบ แม้ทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางด้านการค้าของสหรัฐฯ หลังการประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมต่อประเทศพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นแคนนาดา แม็กซิโก และสหภาพยุโรป ซึ่งประเทศดังกล่าวได้มีการออกมาประกาศว่า จะมีการออกมาตราการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นการตอบโต้เช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวโน้ม หรือท่าทีการทำสงครามการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นอีกครั้ง และถือเป็นกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำตอบสนองในเชิงบวกต่อเรื่องดังกล่าวไม่มากนนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าถือครองทองคำเพิ่มเติ่ม หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ มีแนวโน้ม หรือทิศทางที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลมีการขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ตามที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดกำหนดไว้ ปัจจัย หรือสถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กลับมาทำให้กดดันให้ทองคำขยับ หรือฟื้นตัวขึ้นไม่มากนัก

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา แนะนำจับตาดูท่าทีของนานาประเทศในการออกมาตรการตอบโต้กับสหรัฐฯ และท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะมีการผ่อนคลาย หรือมีการยกเว้นในส่วนของการจัดเก็บภาษีของกลุ่มประเทศดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากท่าทีทั้งสองฝ่ายคือ สหรัฐฯ และนานาประเทศยังคงมีความแข็งกร้าวต่อกัน และมีแนวโน้มการตอบโต้ในรูปแบบการจัดเก็บภาษีรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และจะเป็นอีกปัจจัยตัวหนึ่งที่จะกลับมาหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย



ขณะเดียวกัน นอกจากการเก็บภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ยังคงต้องจับตาดูท่าทีของสหรัฐฯ ต่อการเปิดเผยการสอบสวนการค้าการนำเข้ายานยนต์ ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายต่ออุสาหกรรมยายนต์ของสหรัฐฯ หรือไม่ ซึ่งหากมีการเปิดเผยออกมาว่าประเด็นดังกล่าวส่งผลเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ และสหรัฐฯ จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าในส่วนของยานยนต์ที่ 25% ปัจจัยดังกล่าวอาจจะเพิ่มความตึงเครียด หรือเพิ่มความรุนแรงต่อสถานการณ์การทำสงครามการค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนของ่ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องจับตา ได้แก่ การเปิดเผยภาคจัดการฝ่ายจัดซื้อ ขณะที่ในฝั่งยุโรปจะมีการเปิดเผยมวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ประจำไตรมาส 1 ของปี 2018 และฝั่งสหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ เป็นต้น
 
ทำให้กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยทองคำมีลักษณะแกว่งตัวในกรอบ อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม หรือโมเมนตัมของทองคำพยายามยกตัวจากในส่วนของระดับต่ำสุดขึ้น โดยหากราคาทองคำยังคงทรงตัว หรือรักษาระดับไว้ได้ ประเมินว่าราคายังคงมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบของการแกว่งตัวค่อยๆ ขยับขึ้น หรือไซด์เวย์อัป ทั้งนี้ ประเมินกรอบแนวต้านไว้บริเวณที่ 1,315-1,317 เหรียญ ขณะที่แนวรับประเมินไว้ที่ 1,292-1,280 เหรียญ ซึ่งหากราคาไม่หลุดโซนดังกล่าวยังแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อหวังการทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัว


กำลังโหลดความคิดเห็น