ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ค. 2018 ระบุว่า "กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า หากข้อมูลที่เฟดจะได้รับในเร็วๆนี้มีความสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เฟดคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) จะก้าวเข้าสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน"
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงภาวะการขยายตัวที่ร้อนแรงเกินไป ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากการกระตุ้นทางการคลัง และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ โดยกรรมการเฟดหลายคนมองว่า มาตรการการค้าที่สหรัฐนำมาใช้ และมาตรการที่ประเทศคู่ค้าของสหรัฐจะใช้ตอบโต้นั้น จะมีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐด้วยเช่นกัน ขณะที่กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความเห็นว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นการค้านั้น อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ
นอกจากนี้เฟด ระบุว่า ยอมรับที่จะปล่อยให้เงินเฟ้อออกจากกรอบเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ได้เป็นการชั่วคราว จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ “ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดตีความว่าเฟดจะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” และเมื่อตรวจสอบจาก CME Group โดยใช้เครื่องมือ FedWatch พบว่า นักลงทุนคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. บ่งชี้ว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีอีกเพียง 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ย. ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 3% โดยร่วงจากระดับ 3.05% ก่อนที่จะมีการเปิดเผยรายงานประชุมดังกล่าว จึงส่งผลให้ราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดของปี 2018 ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.บริเวณ 1,281.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
ตัวแปรที่สำคัญที่นักลงทุนยังต้องติดตามต่อคือทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ โดยวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย. สหรัฐจะมีการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงาน อาทิ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร(Non-Farm Payrolls), รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง และอัตราการว่างงาน ก่อนที่จะมีการประชุมเฟดครั้งถัดไปในวันที่ 12-13 มิ.ย. เป็นที่ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิ.ย. แต่นักลงทุนในตลาดต่างรอดูการส่งสัญญาณเพิ่มเติมของเฟด โดยเฉพาะโทนของการประชุมว่าจะออกมาเชิง Dovish หรือ Hawkish มากขึ้นหรือไม่อย่างไร
วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล