เย็นวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ CPT ทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ ฯ ชี้แจงถึงการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท และผู้ที่มีความสัมพันธ์รวม 4 คน ขายหุ้นผ่านรายการบิ๊กล็อตหรือการซื้อขายรายใหญ่ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น
หุ้นที่ขายออกมารวมทั้งหมดมีจำนวน 56 ล้านหุ้น หรือ 6.22 % ของทุนจดทะเบียน ขายในราคา 2.30 บาท/หุ้น เท่ากับราคาที่เสนอขายนักลงทุนทั่วไป ก่อนนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ รวมเงินที่ได้จากการขายหุ้นทั้งสิ้น 128.80 ล้านบาท โดยไม่มีคำชี้แจงรายละเอียดของผู้ซื้อหุ้น
ผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหาร CPT ที่ขายหุ้นออกครั้งนี้ ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โดยขายหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 13.20 ล้านหุ้น นางกันยา หลิมประเสริฐ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง ขายทั้งสิ้น 12 ล้านหุ้น
นางสาวธัญวรัตม์ ปีปทุม ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสาม ขายหุ้นออกทั้งสิ้น 22.40 ล้านหุ้น และนายนภดล วิเชียรเกื้อ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสี่ ขายหุ้นออกไปทั้งสิ้น 8.40 ล้านหุ้น
หุ้น CPT ที่ทั้ง 4 คนถืออยู่ ติดหลักเกณฑ์การห้ามขายหุ้น (Silent Period) หรือช่วงเวลาห้ามขาย โดยต้องผ่านพ้นช่วง 6 เดือนแรก นับจากวันที่หุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงจะนำหุ้นออกขายได้ไม่เกิน 25 % ของจำนวนหุ้นที่ถือไว้ทั้งหมด และเมื่อผ่านพ้น 1 ปี จึงสามารถขายหุ้นออกได้ทั้งหมด
แต่ CPT เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นยังไม่ครบ 6 เดือน จึงไม่รู้ว่า นำหุ้นออกขายได้อย่างไร
สำหรับการขายหุ้นโดยอ้างว่า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย นักลงทุนต้องฟังหูไว้หู และต้องระวังการเข้าไป “ยุ่ง” กับหุ้นตัวนี้
เพราะถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารบริษัท ขายหุ้นโดยมีเป้าหมายอื่น เช่นระบายหุ้นทำกำไร ใครเข้าไปช้อนซื้อ อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยง
CPT ดำเนินธุรกิจผลิคและจำหน่ายตู้ไฟฟ้า จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องควบคุมไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 และเป็นหุ้นน้องใหม่ที่ทำให้นักลงทุนที่จองซื้อไว้ผิดหวัง
เพราะประเดิมซื้อขายวันแรกราคาต่ำกว่าจอง โดยปิดที่ 2.08 บาท/หุ้น ต่ำกว่าราคาจอง 22 สตางค์ หรือ ต่ำกว่าจอง 9.57%
CPT ไม่แตกต่างจากหุ้นน้องใหม่ทั่วไป โดยเข้ามาซื้อขายช่วงแรก ๆ จะคึกคัก เคาะกันสนั่นหวั่นไหว มูลค่าการซื้อขายหนาแน่ แต่หลังจากนั้นจะเริ่มสิ้นฤทธิ์ มูลค่าการซื้อขายเงียบเหงา ราคาหุ้นหมดความตื่นเต้น
ตั้งแต่เข้าซื้อขาย CPT เคยขึ้นไปแตะที่ราคา 2.40 บาท/หุ้น แต่เพียงชั่วแว่บเดียว หลังจากนั้นปรับฐานลง ก่อนจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เล่นกันต่ำกว่าราคาจองมาพักใหญ่แล้ว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2561 ปิดที่ 2.14 บาท/หุ้น ลดลง 6 สตางค์ ซึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนหวั่นไหว กรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เทหุ้นขายหุ้น
ตัวเลขผลประกอบการ CPT ยังดีอยู่ มีกำไรต่อเนื่อง ค่าพี/อี เรโชไม่สูง อยู่ที่ 13.69 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ดี 6.54% จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 3,485 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 28.74 % ของทุนจดทะเบียน
แต่ความน่ากังวลของหุ้นตัวนี้คือ ตั้งแต่เข้ามาซื้อขาย ยังไม่สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้นักลงทุน และคนที่จองซื้อไว้ ส่วนใหญ่ยังติดค้างอยู่ที่ราคาจอง
สิ่งที่กำลังตอกย้ำความน่ากลัวคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 - 4 ขายหุ้นออก และเมื่อขายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย หมายถึงหุ้น CPT อีกจำนวน 56 ล้านหุ้น จะถูกเทเข้าสู่ตลาด ทำให้ซัพพลายหรือปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ดีมานด์หรือความต้องการซื้อ ไม่ได้เพิ่มขึ้น
ผลที่ตามมา ราคาหุ้น CPT อาจเกิดภาวะซึมยาว เว้นแต่จะมีอภินิหาร ผลประกอบการ CPT พุ่งพรวดเท่านั้น แต่ถ้าผลประกอบการ CPT มีแนวโน้มเติบโตสดใส ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารบริษัทคงไม่ขายหุ้นออกมา
การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1-4 ของ CPT พร้อมใจเทขายหุ้น จึงเป็นสิ่งต้องเกาะติดหุ้นตัวนี้ และไม่ควรผลีผลามเข้าไปซื้อ
เพราะมีสัญญาณไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นแล้ว และ ผลดำเนินงานไตรมาสแรกที่จะประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อาจเป็นคำเฉลยของข้อน่าสงสัย เกี่ยวกับการเทขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CPT ก็ได้
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )