xs
xsm
sm
md
lg

บล. ทิสโก้ แนะจับตาหุ้นพลังงานฉุด SET Index ร่วง คาด เม.ย.-พ.ค. แกว่งแคบในกรอบ 1,750-1,800 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. ทิสโก้ แนะจับตาหุ้นพลังงาน และหุ้นขนาดใหญ่ ฉุดดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับ 1,710 จุด ส่วนกรอบดัชนีเดือน เม.ย.-พ.ค. มองไว้ที่ 1,750-1,800 จุด คาดราคาน้ำมัน WTI หมดรอบขาขึ้น ประเมินไตรมาส 2 ปิดที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาทองคำฟื้นตัว อาจเห็นแตะ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล. ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates ว่า ในเดือนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงผิดไปจากที่คาดไว้เดิม เนื่องจากมีความกังวลหลายประการเข้ามากระทบ เช่น สงครามการค้าของสหรัฐฯ การเลือกตั้งของไทยที่อาจจะถูกเลื่อนออกไป การช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลไม่เป็นไปตามคาด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ประเมินว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยโดยรวมจะไม่น่ากังวลนัก เพราะที่ผ่านมา ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลงไปมากแล้ว และคาดว่าจะไม่ปรับตัวลงไปมากกว่านี้ โดยคาดหุ้นไทยในเดือน เม.ย.-พ.ค. จะแกว่งตัวออกข้าง (Side Way) ในกรอบ 1,750-1,800 จุด และยังมีโอกาสหลุดแนวรับ 1,750 จุดไปถึงแนวรับถัดไปที่ 1,710 จุด หากนักลงทุนขายเพื่อทำกำไรล่วงหน้าก่อนการประกาศข่าวผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ในหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นขนาดใหญ่ คือ PTT, PTTEP, PTTGC, IRPC และ IVL ที่คาดว่าจะออกมาดี

“ในทางเทคนิคหากนักลงทุนมีหุ้น PTT, PTTEP, PTTGC, IRPC และ IVL แนะนำให้เล่นสั้น และขายออกก่อนที่จะมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ออกมาในช่วงต้นเดือน พ.ค. เพราะประเมินว่า ราคาหุ้นดังกล่าวจะปรับตัวลงหลังผลประกอบการออกมาดี จากอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์เช่นนี้เรียกว่า Sell on Good News ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงแรงขายกลุ่มนี้จะนำโดย PTT ที่จะฉุดดัชนีหุ้นไทยปรับลงได้ประมาณ 40 จุด ทำให้เรามองแนวรับต่อไปที่ 1,710 จุด แต่ในระยะยาว หุ้นไทยยังคงเป็นขาขึ้น หากดัชนีไม่หลุด 1,700 จุด” นายวิวัฒน์ กล่าว

สำหรับภาพรวมในไตรมาสที่ 2/2561 โดยปกติแล้วในเดือน เม.ย. จะเป็นช่วงที่นักลงทุนซื้อหุ้นเพื่อรับปันผล และเริ่มขายออกในเดือน พ.ค.-มิ.ย. หลังบริษัทขึ้นเครื่องหมาย XD ทำให้หุ้นไทยและหุ้นทั่วโลกปรับลดลง สำหรับราคาน้ำมัน WTI น่าจะจบรอบขาขึ้นครั้งนี้ที่ 67 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และจะเริ่มปรับตัวลดลงสู่แนวรับ 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากปัจจัยลบเรื่องอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นตามจำนวนแหล่งผลิตเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค. 2561 ที่ออกมาไม่ดีนัก

ด้านราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับทฤษฎีที่ว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งไม่มีการจ่ายปันผลจะต้องปรับตัวลดลง ทั้งนี้ น่าจะเป็นผลจากราคาหุ้นทั่วโลกที่ไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ทองคำกลายเป็น Safe Haven ล่าสุด ราคาทองคำปรับขึ้นมาทดสอบที่ 1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม หากหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอีกครั้ง คาดว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นมาทดสอบที่ 1,390-1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สำหรับหุ้นแนะนำเดือน เม.ย.-พ.ค. มีทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่คาดว่า กำไรไตรมาส 1/2561 ออกมาดี คือ COM7, IRPC, ROBINS, RS, SF และ TVO กลุ่มที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี เนื่องจากราคาปรับขึ้นช้ากว่าตลาดมานาน (Laggard) แต่เริ่มเห็นราคาปรับขึ้นแล้ว คือ SCC, TRUE, BLAND, ROJNA, CENTEL, BDMS, BCH และ CHG และกลุ่มหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ราคาปรับลดลงมาใกล้แนวรับระยะยาว คือ SCB, TMB, AMATA, JWD, STEC, CK และ PSH


กำลังโหลดความคิดเห็น